ปี: 2023

ความสำคัญของการมีหนังสือรับรองเงินเดือน !

พนักงานเงินเดือน (Salaried Employee) คือบุคคลที่ได้รับค่าจ้างในรูปแบบเงินเดือนที่มีค่าติดต่อกันในระยะเวลาที่กำหนดล่วงหน้า เป็นรายเดือน นอกจากนี้ พนักงานเงินเดือนยังมีสิทธิ์รับประโยชน์อื่น ๆ เช่น การลาพักร้อน การลาป่วย ประกันสุขภาพ และค่าตอบแทนอื่น ๆ ตามนโยบายของบริษัทด้วย

หนังสือรับรองเงินเดือน 

เป็นเอกสารที่ออกโดยนายจ้างหรือบริษัทที่จ้างงาน เพื่อยืนยันรายได้และสถานะงานของพนักงานเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือนมักใช้ในหลายสถานการณ์ เช่น เพื่อใช้เป็นเอกสารประกอบการสมัครสินเชื่อที่ธนาคาร หรือเพื่อการยื่นเรื่องการศึกษาต่อหรือสมัครงานในบริษัทใหม่ ซึ่งเป็นการยืนยันถึงรายได้ที่พนักงานรับจากการทำงานในบริษัทนั้น ๆ

ประโยชน์ของการมีหนังสือรับรองเงินเดือน

  • ช่วยยืนยันรายได้ของพนักงาน
  • ใช่ในการยื่นสมัครงานใหม่
  • ใช้ในการย้ายสถานที่ทำงานใหม่
  • ใช้ในการสมัครสินเชื่อหรือประกัน
  • ใช้ในการยื่นภาษี
  • ใช้ในการยื่นสิทธิประโยชน์
  • ง่ายต่อการเช็คข้อมูลของเงินเดือนที่ได้รับ

อายุการใช้งานของหนังสือรับรองเงินเดือน

  • สำหรับยื่นสมัครบัตรของธนาคาร หรือยื่นขอประกันและสินเชื่อ จะใช้งานได้ไม่เกิน 30 วัน
  • สำหรับหน่วยงานราชการ สามารถใช้งานได้ไม่เกิน 90 วัน
  • สำหรับยื่อของวีซ่า ใช้ได้ไม่เกิน 30 วัน และต้องเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด 

หนังสือรับรองเงินเดือน ใครควรออกให้ ?

พนักงานเงินเดือน ไม่สามารถออกหนังสือรับรองเงินเดือนเองได้ แต่ควรออกโดยนายจ้างหรือบริษัทที่จ้างงานพนักงาน นายจ้างหรือบริษัทมีหน้าที่ยืนยันรายได้และสถานะงานของพนักงาน ซึ่งหนังสือรับรองเงินเดือนมักต้องมีลายเซ็นหรือลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ของผู้มีอำนาจในบริษัทหรือองค์กรนั้น ๆ ให้กับพนักงานของตน

ข้อมูลในหนังสือรับรองเงินเดือน

  1. หัวข้อเอกสารคือ “หนังสือรับรองเงินเดือน”
  2. ชื่อและนามสกุล
  3. ชื่อและที่อยู่ของบริษัท
  4. ตำแหน่งงานที่ได้รับ
  5. เงินเดือนที่ได้รับ ไม่รวมโบนัสหรือสวัสดิการอื่น ๆ
  6. ระยะเวลาที่เริ่มทำงาน จนถึงวันที่ยื่นขอหนังสือรับรอง
  7. ใช้เพื่ออะไร เช่น ยื่นหน่วยงานราชการ ยื่นขอทำประกัน เป็นต้น
  8. วันที่ยื่นขอหนังสือรับรองเงินเดือน
  9. ลงชื่อผู้ขอหนังสือรับรองเงินเดือน
  10. ลงชื่อนายจ้างที่มีอำนาจในการออกหนังสือรับรองเงินเดือน
  11. ต้องมีตราประทับของบริษัท 

ดังนั้น ความสำคัญของการมีหนังสือรับรองเงินเดือน คือ เอกสารสำคัญที่ใช้ในการยืนยันรายได้และสถานะงานของพนักงาน มีความสำคัญในกระบวนการสมัครงาน การขอสินเชื่อ การยื่นเรื่องประกันสังคม และสถานการณ์ทางการเงินและการทำงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรายได้ของเราได้ดี

นักทำบัญชีฟรีแลนซ์ vs นักทำบัญชีในองค์กร ต่างกันอย่างไร

นักทำบัญชี คือบุคคลหรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการบัญชีและการเงินขององค์กรหรือบริษัท ซึ่งหน้าที่หลักของนักทำบัญชี คือ การบันทึกและวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนสำหรับการรายงานแก่ผู้บริหาร นักลงทุน หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นักทำบัญชีฟรีแลนซ์ คือ

คือ บุคคลหรือนักวิชาชีพที่ทำงานเป็นอิสระ ให้บริการทางการบัญชีแก่ลูกค้าหรือองค์กรต่างๆ โดยไม่ต้องเป็นพนักงานประจำในองค์กรใด ๆ นักทำบัญชีฟรีแลนซ์มักมีความเชี่ยวชาญในการจัดทำบัญชีทางการเงิน การวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน การเตรียมเอกสารภาษี และงานที่เกี่ยวข้องกับการบัญชีและการเงินในองค์กร

นักทำบัญชีในองค์กร คือ

นักทำบัญชีในองค์กร คือบุคคลที่ได้รับการจ้างเป็นพนักงานขององค์กรหรือบริษัท เพื่อดำเนินการทางด้านการบัญชีและการเงินขององค์กรนั้น ๆ ซึ่งมีหน้าที่หลักในการจัดการและบันทึกข้อมูลทางการเงินเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและประกอบการตัดสินใจของผู้บริหารและผู้เกี่ยวข้องอื่น ๆ ในองค์กร

อยากขึ้นทะเบียนนักทำบัญชี เตรียมตัวยังไง ?

การขึ้นทะเบียน สามารถทำได้ผ่านระบบเว็บไซต์ออนไลน์ได้ โดยจะทำผ่าน เว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเมนูผู้ทำบัญชี ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ เมื่อทำการลงทะเบียนและได้รับการอนุมัติเรียบร้อยแล้ว เราจะได้เลขประจำตัวมาเพื่อใช้แสดงความน่าเชื่อถือว่าเรานั่นเอง

เอกสารสำคัญที่ใช้ในการขึ้นทะเบียน

  1. สำเนาบัตรประชาชน
  2. สำเนาทะเบียนบ้าน
  3. สำเนาวุฒิการศึกษา
  4. รูปถ่ายครึ่งตัว หน้าชัดหลังตรง ไม่มีปิดบังใบหน้า สวมชุดสุภาพ พื้นหลังสีพื้น ไม่มีลวดลาย 
  5. ใบการเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี)
  6. ใบเสร็จค่าสมาชิกสภาวิชาชีพที่ยังไม่หมดอายุ
  7. รายชื่อลูกค้าที่รับทำบัญชี
  8. หลักฐานการพัฒนาความรู้วิชาชีพ (CPD)

สรุปก็คือ นักทำบัญชีฟรีแลนซ์มีความอิสระในการทำงานและให้บริการแก่ลูกค้าจากหลากหลายธุรกิจต่าง ๆ ในขณะที่นักทำบัญชีในองค์กร มักมีบทบาทและความรับผิดชอบในการบัญชีและการเงินขององค์กรโดยเฉพาะ และจำต้องปฏิบัติตามกำหนดที่มีในสถานที่ทำงาน เพื่อให้สะดวกต่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ทำธุรกิจด้านการขนส่ง ต้องเตรียมตัวเสียภาษีอะไรบ้าง

ธุรกิจด้านการขนส่ง เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนย้ายสินค้าและบริการขนส่งในทุกด้านของเศรษฐกิจ การขนส่งเป็นส่วนสำคัญของภูมิภาคพาณิชย์และการเชื่อมโยงระหว่างธุรกิจแต่ละแขนงกัน นอกจากนี้ยังรวมถึงบริการที่เกี่ยวข้องกับการจัดการและควบคุมกระบวนการขนส่ง เช่น การจัดส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าในเวลาที่กำหนด เป็นต้น

แล้วธุรกิจการขนส่ง ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง ?

  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

เป็นภาษีที่คิดจากมูลค่าเพิ่มที่เกิดขึ้นในกระบวนการซื้อขายสินค้าหรือบริการ ภาษี VAT ถูกคิดจากมูลค่าเพิ่มที่เพิ่มขึ้นในแต่ละขั้นตอนของกระบวนการซื้อขายและตามท้องถิ่นที่มีกำหนดในแต่ละประเทศค่า ภาษี VAT ที่เรียกเก็บจากลูกค้าของธุรกิจส่วนใหญ่นั้นสามารถถูกหักลดหย่อนในกระบวนการซื้อขายในภายหลังได้ และเฉพาะค่าภาษี VAT ที่เกี่ยวข้องกับการขายสินค้าหรือบริการที่มีความเกี่ยวข้องกับการซื้อขายของธุรกิจการขนส่ง

  • ภาษีบุคคลธรรมดา

เป็นภาษีที่บุคคลธรรมดาต้องเสียตามรายได้ที่ได้รับต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงรายได้จากธุรกิจการขนส่งหากธุรกิจนั้นถูกดำเนินโดยบุคคลธรรมดา การเสียภาษีบุคคลธรรมดาจะขึ้นอยู่กับกฎหมายและเงื่อนไขภาษีของแต่ละประเทศ และอาจมีการลดหย่อนรายได้ต่าง ๆ ที่อาจช่วยลดจำนวนภาษีที่ต้องเสียลงด้วย

  • ภาษีนิติบุคคล

เป็นภาษีที่บริษัทหรือนิติบุคคลต้องเสียตามกำไรหรือกำไรสุทธิที่ได้รับจากธุรกิจของตน และมีผลกระทบต่อธุรกิจการขนส่งเช่นกัน ภาษีนิติบุคคลจะถูกคำนวณตามกำไรหรือกำไรสุทธิที่ขนส่งสร้างขึ้น โดยมีอัตราภาษีที่กำหนดโดยรัฐบาลของแต่ละประเทศ และอาจมีการลดหย่อนรายได้หรือสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่อาจช่วยลดจำนวนภาษีที่ต้องเสียลงด้วย

  • ภาษีหัก ณ ที่จ่าย

สำหรับธุรกิจการขนส่ง ภาษีหัก ณ ที่จ่ายอาจเกี่ยวข้องกับการจ่ายให้กับบุคคลหรือบริษัทอื่นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เช่น การจ้างบริการโรงแรมสำหรับคนขับรถหรือการจ่ายค่าบริการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการการขนส่ง เมื่อธุรกิจการขนส่งจ่ายเงินให้กับบุคคลหรือบริษัทดังกล่าว บางส่วนของเงินจ่ายนี้อาจถูกหักเป็นภาษีหัก ณ ที่จ่าย และส่งให้กับหน่วยงานภาษีหรือรัฐบาลตามกฎหมายภาษีที่ใช้ในประเทศนั้น ๆ

อย่างไรก็ตาม การเสียภาษีในธุรกิจการขนส่ง สิ่งสำคัญที่ต้องทำคือปฏิบัติตามกฎหมายภาษีและและเสียภาษีอย่างถูกต้อง การปรึกษาทนายความหรือที่ปรึกษาด้านภาษี ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่น เพื่อให้คำปรึกษาเกี่ยวกับภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจขนส่งของเรา รวมถึงประกอบธุรกิจได้อย่างถูกต้องครบถ้วน

เปิดโอกาสทางธุรกิจในยุคดิจิทัล แค่ใช้โปรแกรมบัญชี ERP กับแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์

ปัจจุบัน ธุรกิจการขายของออนไลน์มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว เพราะคนยุคใหม่เปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตมาซื้อของออนไลน์มากขึ้น และมีแนวโน้มการซื้อหน้าร้านน้อยลง เจ้าของธุรกิจจึงต้องเปลี่ยนแนวทางการขายจากหน้าร้านค้าเพียงอย่างเดียว มาขายของผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ซื้อ ซึ่งมักนิยมซื้อ-ขายของผ่าน Lazada และ Shopee เป็นหลัก และยังมีแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่เริ่มได้รับความสนใจอย่าง Tiktok และ Line My shop ด้วย

การที่ธุรกิจต้องปรับตัวมาขายออนไลน์ย่อมส่งผลต่อการบริหารจัดการร้านค้าไม่น้อย เพราะมีความซับซ้อนในการจัดการ เช่น การลงสินค้า อัพเดตราคา การดูแลสต็อก และรับออเดอร์ซื้อขาย รวมถึงการจัดส่ง วิธีที่ดีที่สุดที่ช่วยจัดการความยุ่งยากเหล่านี้ก็คือการเลือกใช้โปรแกรมบัญชี ERP ของ AccCloud ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มร้านค้าได้ง่ายๆ ในไม่กี่ขั้นตอบ

โปรแกรมบัญชี ERP กับแพลตฟอร์มขายออนไลน์

การเชื่อมต่อโปรแกรมบัญชี ERP กับแพลตฟอร์มขายออนไลน์มีประโยชน์มากมาย เหมาะกับผู้ประกอบกิจการขายของออนไลน์ทุกคน ไม่ว่าจะมีสินค้ามากหรือน้อยก็ไม่ต้องกังวลกับจัดการคลังสินค้า เพราะตัวระบบเชื่อมโยงกับร้านค้าได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก เรามาดูกันว่า โปรแกรมบัญชี ERP ของ AccCloud สามารถช่วยเหลือในการบริการจัดการร้านค้าได้ยังไงกันบ้าง

  • ตรวจสอบสต็อกสินค้าง่ายดาย

การเชื่อมต่อโปรแกรมบัญชี ERP ของ AccCloud กับแพลตฟอร์มขายออนไลน์จะช่วยให้เราสามารถตรวจสอบสต็อกสินค้าได้ตลอด ช่วยให้จัดการปรับจำนวนสต็อกง่าย เช็คสินค้าที่ใกล้จะหมดหรือหมดแล้วได้ทุกเวลา หากร้านค้ามีสินค้าตัวไหนหมดก็จะรู้ได้ทันที

  • ช่วยคำนวณบัญชีจากการขายสินค้า

โปรแกรมบัญชี AccCloud เพิ่มประสิทธิภาพในขายสินค้าด้วยการจัดการบัญชี ช่วยคำนวณรายรับและรายจ่ายจากการขายสินค้าได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ซึ่งช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการธุรกิจ

  • ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ซื้อ

ข้อดีที่มากกว่าการทำบัญชีของโปรแกรมบัญชี AccCloud คือ ช่วยติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าได้อย่างง่ายดาย เช่น ประวัติการสั่งซื้อ แนวโน้มในการซื้อ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของสินค้าได้อย่างตรงจุดมากขึ้น

  • เพิ่มความถูกต้องทางการทำบัญชี

ช่วยลดความผิดพลาดทางบัญชี เนื่องจากข้อมูลการขายและการเงินถูกบันทึกอัตโนมัติ แตกต่างจากการทำข้อมูลตัวเลขด้วยตัวเอง ระบบ ERP จะทำให้สามารถรายงานผลการเงินได้อย่างถูกต้อง ไม่ต้องกังวลว่าตัวเลขบัญชีจะไม่ตรงกัน

  • วิเคราะห์และปรับกลยุทธ์การขายง่ายขึ้น

การเชื่อมต่อโปรแกรมบัญชี ERP จะช่วยให้สามารถปรับตัวตามความต้องการของตลาดได้รวดเร็ว ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและเพิ่มยอดขายอย่างครบถ้วน เพิ่มโอกาสทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี

หากใครต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการขายสินค้าออนไลน์ผ่าน Shopee, Lazada, Tiktok  หรือ Line การเชื่อมต่อระบบบัญชี ERP กับแพลตฟอร์มขายออนไลน์เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับธุรกิจที่ต้องการเติบโตในยุคดิจิทัลนี้มาก เพราะจะช่วยให้สามารถบริหารธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันสมัย เปิดโอกาสในการเพิ่มยอดขายและความสำเร็จในด้านการตลาดออนไลน์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในปัจจุบันและอนาคต

ซอฟต์แวร์ erp ตัวช่วยจัดการธุรกิจเชื่อมต่อบน “แพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์”

การทำธุรกิจ E-commerce หรือร้านค้าออนไลน์มีการการเติบโตและพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ช่วยให้สามารถซื้อขายสินค้าต่างๆ ได้ตลอดเวลาแบบ 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะกลุ่มร้านค้าที่ได้มีการขายบนแพลตฟอร์มใหญ่ๆ เช่น Shopee Lazada และ Tiktok ที่จะมีลูกค้าสั่งของตลอดเวลา ทำให้ต้องมีการจัดการข้อมูลที่เป็นระบบชัดเจน ป้องกันความคลาดเคลื่อนหรือความผิดพลาดไม่ให้เกิดขึ้น แต่บางทีเราก็อาจจะตกหล่นไปบ้าง ทำให้เกิดผลตอบรับในแง่ลบจากผู้ซื้อได้ จะดีกว่าไหมถ้าเราหันมาใช้ตัวช่วยจัดการธุรกิจที่จะทำให้การจัดการธุรกิจของคุณง่ายกว่าที่เคยด้วย “ระบบซอฟต์แวร์ erp ”

ระบบซอฟต์แวร์ ERP คืออะไร 

ERP ย่อมาจาก Enterprise Resource Planning ซึ่งหมายถึง ซอฟต์แวร์ระบบการเงินที่จะช่วยจัดการวางแผนของการจัดการรูปแบบธุรกิจของคุณ เช่น การผลิต การขาย การสั่งซื้อ การบริการ การเงิน ฯลฯ รวมไปจนถึงกระบวนการต่างๆ ภายในองค์กรธุรกิจ โดยจะมีการรวบรวมข้อมูลทั้งหมดไว้ภายใน Database หลัก และฝ่ายอื่นๆ ภายในองค์กรสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้ ทำให้วางแผนการทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

ประโยชน์จากการใช้งานระบบซอฟต์แวร์ ERP

การเลือกใช้ระบบ ERP ภายในองค์กรนั้นมีข้อดีมากมาย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบของธุรกิจที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

  • การเก็บข้อมูลการทำงานทั้งหมดจากแต่ละฝ่ายภายในองค์กรไว้ในระบบเดียวกัน (Database)
  • การแชร์ทรัพยากรภายใน Database ให้แต่ละฝ่ายสามารถเข้าถึงข้อมูลและทำงานร่วมกันได้
  • ป้องกันการทำงานซ้ำซ้อน จากแต่ละหน่วยงาน ด้วยระบบอัพเดตข้อมูลแบบ Real-Time
  • ลดต้นทุนการใช้เครื่องมือช่วยเหลือที่มากเกินความจำเป็น
  • ช่วยให้มองเห็นถึงภาพรวมขององค์กรทั้งหมด ทำให้จัดการวางแผนได้ง่ายขึ้น

การเชื่อมต่อระบบซอฟต์แวร์ ERP กับร้านค้าออนไลน์

อย่างที่เรารู้ๆ กันว่าการทำร้านค้าออนไลน์ E-commerce ต้องมีการเก็บข้อมูลที่เยอะมากๆ และมีกระบวนการทำงานที่เรียกว่าซับซ้อนเลยก็ว่าได้ ทั้งข้อมูลสินค้า ข้อมูลลูกค้า ข้อมูลการสั่งของจาก Partner ข้อมูลคำสั่งซื้อ และอีกเยอะแยะมากมาย ทำให้ปัจจุบันมีการหันมาใช้ระบบ ERP ร่วมกับแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์มากขึ้น ช่วยรองรับการทำงานแบบรอบด้านได้ดี เช่น เก็บข้อมูลสินค้า คำสั่งซื้อ และข้อมูลของลูกค้า ทำให้รูปแบบการทำงานโอกาสเกิดข้อมผิดพลาดน้อยลง และจัดการดูแลข้อมูลได้ง่าย เมื่อเทียบกับการทำแบบแยกแพลตฟอร์มที่อาจเกิดการพิมพ์คำสั่งซื้อซ้ำหรือข้อมูลคำสั่งซื้อตกหล่นได้ ทำให้เกิดผลลัพธ์เชิงลบตามมา

การเตรียมความพร้อมก่อนใช้ระบบซอฟต์แวร์ ERP

ก่อนที่จะเริ่มใช้ระบบ ERP กับแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ ควรเริ่มศึกษาข้อมูลก่อนว่าธุรกิจจะเข้ากับการทำงานของระบบ ERP ได้ไหม และถ้ามั่นใจแล้วว่าจะทำการใช้ระบบ ERP ก็ต้องมีการเริ่มเตรียมความพร้อมก่อนเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ ดังนี้

  1. การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Database 
  2. จัดการวางแผนขั้นตอนการทำงาน
  3. ตรวจสอบปัญหาที่พบในขั้นตอนการทำงาน (ก่อนใช้ระบบ ERP)
  4. เลือกใช้ระบบ ERP ที่เหมาะสมและตอบโจทย์ที่สุด

เลือกใช้โปรแกรม Acccloud ERP เป็นตัวช่วยจัดการธุรกิจของคุณ

โปรแกรมบัญชี Acccloud ERP เป็นโปรแกรมที่ช่วยให้ธุรกิจขสามารถจัดระเบียบการทำบัญชีได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดกลาง-ใหญ่ และมีคุณภาพเทียบเท่าโปรแกรม ERP ในเกรดราคาประหยัด เข้าถึงได้ง่าย แต่คุณภาพดีเยี่ยม พร้อมเชื่อมต่อระบบช่องทางการขายออนไลน์

โปรแกรมบัญชี Acccloud ERP เชื่อมต่อแพลตฟอร์มอะไรได้บ้าง

การเชื่อมต่อระบบ ERP กับแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ทำได้หลายช่องทาง และช่วยให้รูปแบบการทำงานสะดวก ง่ายขึ้น ไม่ยุ่งยาก แล้วมีแพลตฟอร์มไหนบ้างที่โปรแกรมบัญชี Acccloud ERP เชื่อมต่อได้บ้าง มาดูกัน

แพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์

ดึงข้อมูลยอดขายจาก ร้านค้าออนไลน์ และเชื่อมโยงอัตโนมัติ มายังโปรแกรมบัญชี AccCloud ERP ผู้ใช้งานสามารถเลือกดูสถานะของคำสั่งซื้อบนแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ ได้ตลอดเวลาที่จะมีการเชื่อมโยงระบบ และสามารถ Update ข้อมูล Stock สินค้าย้อนกลับไปยังคลังได้เช่นเดียวกัน โดยไม่ต้องไปบันทึกข้อมูลซ้ำอีกรอบนึง ได้แก่

  • Lazada
  • Shopee 
  • Tiktok 
  • LINE MyShop

แพลตฟอร์มบริการขนส่งสินค้า

ระบบสามารถทำการเรียกรถขนส่ง โดยทางเราไปเชื่อม API กับ shippop.com ซึ่งสามารถเรียกรถขนส่งสินค้าจากระบบ AccCloud ได้ เช่น ไปรษณีย์ไทย, Flash, Kerry, DHL และ Lalamove 

ซอฟต์แวร์ ERP เป็นเครื่องมือสำคัญที่สามารถช่วยยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานขององค์กรให้ดีขึ้นได้ องค์กรใดที่กำลังมองหาแนวทางในการปรับปรุงการดำเนินงาน ควรพิจารณาการนำซอฟต์แวร์ ERP เข้ามาช่วยงาน

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โปรแกรมบัญชี Acccloud ERP เพิ่มเติมได้ที่ https://acccloud.tech/ และสำหรับใครที่สนใจสามารถ ทดลองใช้โปรแกรม Acccloud ERP ได้ฟรี!! ก่อนตัดสินใจซื้อ >> คลิก

Freelance มืออาชีพ ต้องรู้! ความสำคัญของเอกสารทางธุรกิจที่ต้องออกเอง มีอะไรบ้าง?

อาชีพการทำงานมีหลากหลายงานและหลายรูปแบบการทำงาน บางทีก็ทำเป็นบริษัท บางที่ก็ทำเป็นหน่วยงานเล็กๆ แต่ที่มาแรงที่สุดทุกวันนี้คือการทำงาน Freelance ที่ให้อิสระที่ยืดหยุ่นได้มากกว่า การทำงานภายใต้บริษัทหรือองค์กร เพราะประสานงานกับลูกค้าได้โดยตรง ทำงานทีไหนเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องมากังวลว่าจะต้อง WFH ไหม หรือทำงานวันหยุด เพราะ Freelance เป็นนายตัวเอง อยากทำงานเมื่อไหร่ก็ได้ หรืออยากหยุดวันไหนก็ได้ แต่เรื่องหนึ่งที่สำคัญมากๆ คือการทำเอกสาร เพราะ Freelance ต้องออกเอกสารเอง ทำบัญชีเอง และอื่นๆ ตามที่ขั้นตอนของการทำงานทั่วไปทั้งหมดด้วยตัวเอง แล้วเอกสารอะไรบ้างที่ Freelance มืออาชีพ ควรรู้ไว้ เรามีคำตอบ

เอกสารเรื่องธุรกิจที่  Freelance มืออาชีพต้องรู้ไว้

เอกสารธุรกิจเป็นเอกสารที่มีความสำคัญในการทำงานมาก เพราะมีความเกี่ยวข้องด้านการเงินด้วย และอีกทั้งยังทำให้การทำงาน Freelance ของเราเนี่ย ดูเป็นมืออาชีพมากๆ น่าเชื่อถือ และจัดระเบียบงานได้เป็นอย่างดี เพราะการทำงานร่วมกับองค์กรต่างๆ ควรทำงานให้เป็นทางการ และเอกสารธุรกิจเหล่านี้ยังช่วยชี้แจ้งให้ได้รับข้อมมูลที่ชัดเจนกันทั้ง 2 ฝ่ายด้วย ทำให้ “เอกสารธุรกิจ” เป็นเรื่องที่ชาว Freelance ควรรู้เพราะมีผลอย่างมากในการรับงานจากบริษัทหรือองค์กรต่างๆ

มีเอกสารอะไรบ้างที่ Freelance มืออาชีพต้องออกด้วยตัวเอง

ว่าด้วยเรื่องความสำคัญของเอกสารธุรกิจไปแล้ว มีเอกสารธุรกิจอะไรบ้างที่ Freelance ต้องออกด้วยตนเองเพื่อส่งให้กับลูกค้า องค์กร หรือบริษัท ที่เราได้รับงานมาบ้าง มาดูกัน

1. ใบเสนอราคา

อันดับแรก ใบเสนอราคาหรือ Quotation เป็นเอกสารที่ใช้สำหรับชี้แจงแผนการทำงานและราคา (Cost) ที่ลูกค้าต้องจ่าย เอกสารใบนี้จะหลังจากได้ผ่านการคุยงานกับลูกค้า สอบถามถึงความต้องการและขอบเขตงานต่างๆ เมื่อบรีฟข้อมูลงานกันเรียบร้อยแล้วก็จะมีการทำเอกสารตัวนี้ออกมาเพื่อส่งให้กับลูกค้าต่อไป

ข้อมูลภายในเอกสาร ใบเสนอราคา

  • รายละเอียดของงาน ตามความต้องการของลูกค้า
  • ราคาการทำงาน ที่กำหนด
  • เงื่อนไขการทำงาน เช่น แก้ไขข้อมูลได้กี่ครั้ง
  • การคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่นอกเหนือจากบริการ (ถ้ามี) 
  • ช่องทางการติดต่อ
  • เลขประจำตัวประชาชน

2. ใบแจ้งหนี้

ใบแจ้งหนี้หรือ Invoice เป็นเอกสารสำคัญเพราะใช้ในการเรียกเก็บเงินกับลูกค้าหลังจากเราได้ทำข้อตกลงการทำงาน อาจจะเป็นการเก็บเงินบางส่วนก่อนการเริ่มงาน การเรียกเก็บแบบแบ่งงวด หรือหลังการทำงานเสร็จสิ้นลงแล้ว

ข้อมูลภายในเอกสาร ใบแจ้งหนี้

  • รายละเอียดของงานจากใบเสนอราคา
  • ยอดที่ต้องลูกค้าาต้องจ่าย
  • ระยะเวลาในการชำระยอด
  • การคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่นอกเหนือจากบริการ (ถ้ามี) 
  • ช่องทางการติดต่อ
  • เลขที่บัญชีสำหรับการชำระเงิน

3. ใบเสร็จรับเงิน

แล้วตัวเอกสารของใบเสร็จรับเงินหรือ Receipt เนี่ย Freelance ต้องออกเองด้วยไหม หลายคนคงสงสัย และคำตอบก็คือ”ทำครับ” เอกสารใบเสร็จรับเงินจะใช้ออกหลังจากได้ส่งใบแจ้งหนี้ให้กับลูกค้า และได้รับยอดการชำระเงินจากลูกค้าแล้ว เพื่อใช้ยืนยันว่าได้รับยอดการชำระเงินจากลูกค้าแล้ว แต่สำหรับ Freelance นั้นไม่จำเป็นต้องมีใบกำกับภาษี ซึ่งจะต่างจากบริษัทหรือองค์กรที่ต้องมี

ข้อมูลภายในเอกสาร ใบเสร็จรับเงิน

  • รายละเอียดของงานจากใบเสนอราคา
  • จำนวนเงินที่ได้รับยอดการชำระเงิน
  • วันที่การรับเงิน
  • ช่องทางการรับชำระเงิน
  • ช่องทางการติดต่อ

เอกสารสำคัญที่ Freelance มืออาชีพต้องเก็บไว้ ห้ามลืมเด็ดขาด

การทำ Freelance ไม่เพียงแค่ต้องออกเอกสารเองเท่านั้น ยังต้องมีการเก็บเอกสารไว้อีกด้วย เอกสารที่เหล่า Freelance ต้องเก็บไว้นั้นก็คือ  “หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย” หรือเรียกอีกชื่อว่า “ใบทวิ 50” เป็นเอกสารที่ Freelance จะได้รับจากบริษัทหรือองค์กรที่ได้ร่วมงานกัน  เพราะต้องใช้ในการยื่นภาษีเงินได้ของบุคคลธรรมดาในแต่ละปี และถ้าได้รับไม่ถึงเกณฑ์ก็สามารถติดต่อขอคืนได้เช่นกัน

เปลี่ยนการทำเอกสารให้กลายเป็นเรื่องง่ายๆ ด้วยโปรแกรมบัญชีออนไลน์ AccCloud 

สำหรับ Freelance หลายๆ คนอาจจะไม่ได้มีความรู้ด้านการทำเอกสารมากนัก หรือบางคนก็อาจจะไม่เคยทำเลย การหันมาใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์ AccCloud การทำเอกสารจะง่ายขึ้นเพราะมีฟังค์ชั่นให้เลือกใช้หลากหลายและปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์การทำงานของคุณได้

  • ปรับแบบฟอร์มเอกสารได้ตามความต้องการ
  • รองรับการออกเอกสารในนามบุคคล
  • รองรับพร้อมกับรูปแบบเอกสารสำหรับคนทำงาน Freelance เช่น
    •  ใบเสนอราคา
    •  ใบแจ้งหนี้
    •  ใบเสร็จรับเงิน
  • ระบบการแจ้งเตือนข้อมูล
  • รองรับการเก็บข้อมูลบนระบบ Cloud ป้องกันข้อมูลศูนย์หาย
  • รองรับการ Export ไฟล์เป็น .pdf และส่งผ่าน E-mail

ถ้าคุณรู้สึกสนใจโปรแกรมบัญชี Accloud ยังสามารถ ทดลองเข้าใช้งานโปรแกรม ก่อนได้ เพื่อดูว่าระบบการทำงานแบบไหน แบบฟอร์มเป็นยังไง ตรงกับความต้องการของเราหรือไม่ และสำหรับใครที่อยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถเข้าดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ acccloud.tech หรือติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ติดต่อเรา

อยากเปิดธุรกิจของตัวเอง ต้องรู้จักภาษีอะไรบ้าง ?

การดำเนินธุรกิจของตัวเอง ไม่เพียงแค่เรื่องของการผลิตหรือการขายสินค้าและบริการเท่านั้น ยังต้องพิจารณาถึงเรื่องทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับภาษี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการบริหารจัดการธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จ ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงภาษีที่คนทำธุรกิจต้องทำความรู้จักเพื่อประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจของตนเอง

1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (บุคคลธรรมดา)

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นภาษีที่คนที่มีรายได้จากการทำงานหรือกิจการต่างๆ ต้องชำระตามร้อยละของรายได้ที่ได้รับ เป็นเงินได้ที่สะสมมาจากเงินเดือน ค่าจ้างทำงานอิสระ รายได้จากการลงทุน และกิจกรรมอื่นๆ ภาษีนี้มีอัตราภาษีที่แตกต่างกันไปตามระดับรายได้ คำนวณและส่งเสียตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้รัฐมีเงินทุนในการดำเนินงานสาธารณะต่างๆ

2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

VAT เป็นภาษีที่เรียกเก็บจากการขายสินค้าและบริการ แต่จะถูกนำไปเก็บจากกลุ่มธุรกิจในระหว่างกระบวนการผลิตและกระบวนการจำหน่าย หรือกระบวนการส่งเสริมการขาย การคิดคำนวณภาษี VAT จะอิงตามราคาขายของสินค้าหรือบริการ และส่งเสียให้รัฐเป็นจำนวนเงินที่ได้รับจากผู้บริโภค

3. ภาษีนิติบุคคล

ภาษีนิติบุคคลเป็นภาษีที่บริษัทหรือนิติบุคคลต้องชำระจากกำไรที่ได้รับจากกิจการของตน อัตราภาษีนิติบุคคลจะแตกต่างกันไปตามกฎหมายและรัฐบาลของแต่ละประเทศ การวางแผนเรื่องภาษีนิติบุคคลจำเป็นเพื่อให้บริษัทสามารถจัดการกำไรให้เกิดประสิทธิภาพที่สูงที่สุด

4. ภาษีธุรกิจเฉพาะอื่นๆ

นอกจากภาษีที่กล่าวมานี้แล้ว ยังมีภาษีธุรกิจเฉพาะอื่น ๆ ที่อาจมีผลต่อธุรกิจ เช่น ภาษีอสังหาริมทรัพย์ ภาษีป้าย ภาษีสรรพสิ่ง และอื่น ๆ ที่อาจมีการบังคับใช้ในระหว่างการดำเนินกิจการธุรกิจนั้น ๆ

ตัวอย่างกิจการธุรกิจ ที่ต้องเสียภาษี

  • ร้านค้าปลีก
  • บริษัทที่จดทะเบียน
  • ธุรกิจอิสระ
  • ธุรกิจออนไลน์
  • ผู้ประกอบการวิชาชีพ
  • โรงงาน
  • กิจการร้านอาหาร
  • ฟรีแลนซ์

การทำธุรกิจไม่เพียงแค่ความสามารถในการผลิตหรือการบริการเท่านั้น การทราบและเข้าใจเกี่ยวกับภาษีที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการทุกคนควรทำความรู้จัก การวางแผนเรื่องภาษีให้เหมาะสมและสอดคล้องกับกฎหมายจะช่วยให้ธุรกิจเติบโตและยั่งยืนอย่างเป็นระบบ การปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีก่อนการดำเนินการก็เป็นสิ่งที่แนะนำอีกอย่างหนึ่งเพื่อประสบความสำเร็จในการบริหารธุรกิจของคุณได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

แนวโน้มการใช้งานโปรแกรมบัญชี ERP ในอนาคต

ในยุคที่เทคโนโลยีและความเปลี่ยนแปลงในสภาวะการเงิน เข้ามามีบทบาทสำคัญในการบริหารธุรกิจ การใช้งานโปรแกรมบัญชีเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่สำคัญสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMEs) และธุรกิจขนาดใหญ่ตามท้องถิ่น โดยที่การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการบัญชีช่วยให้การจัดการทางการเงินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและถูกต้องยิ่งขึ้น

การใช้งานโปรแกรมบัญชี ERP

โปรแกรมบัญชี ERP (Enterprise Resource Planning) คือระบบซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยในการบริหารจัดการทั้งหมดของธุรกิจ ไม่เพียงแค่ด้านการเงินและบัญชีเท่านั้น แต่รวมถึงด้านอื่น ๆ ทั้งการผลิต การจัดซื้อ การขาย การจัดการคลังสินค้า การบริหารทรัพยากรมนุษย์ และกระบวนการทางธุรกิจอื่น ๆ อีกมากมาย

ระบบ ERP ช่วยในการผสานการทำงานของระบบต่าง ๆ ในองค์กร เพื่อให้ข้อมูลและกระบวนการทำงานสามารถประสานกันได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยประสิทธิภาพในการใช้งาน ERP มาจากการใช้ข้อมูลที่เหมือนกันในระบบเดียวกัน ช่วยให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เนื่องจากมีข้อมูลที่ถูกต้องและมีความเชื่อถือได้นั่นเอง

ฟังก์ชันหลัก ๆ ของโปรแกรมบัญชี ERP

  • การบริหารงานการเงินและบัญชี: ช่วยในการบันทึกรายรับรายจ่าย, การจัดการสมุดบัญชี, การสร้างงบการเงิน, การคำนวณภาษี, และรายงานทางการเงินที่เกี่ยวข้อง
  • การจัดการคลังสินค้า: ช่วยในการติดตามสินค้าในคลัง, การจัดการออร์เดอร์, การจัดส่งสินค้า และการจัดการระบบคลังสินค้าเพื่อให้สามารถรับ-ส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การจัดการโครงการ: ช่วยในการวางแผนและติดตามการดำเนินงานของโครงการ รวมถึงการจัดการทรัพยากรที่เกี่ยวข้องกับโครงการนั้น
  • การจัดการการผลิต: ช่วยในการวางแผนการผลิต, การติดตามกระบวนการผลิต, การจัดการการสั่งซื้อวัตถุดิบ, การวางแผนการใช้วัตถุดิบ และการจัดการสินค้าสำเร็จรูป
  • การบริหารทรัพยากรมนุษย์: ช่วยในการบันทึกข้อมูลพนักงาน, การจัดการเวลาทำงาน, การคำนวณเงินเดือน, การวางแผนทรัพยากรมนุษย์ และการจัดการกับข้อมูลความรู้ของพนักงาน

แนวโน้มการใช้งานโปรแกรมบัญชี ERP ในอนาคต

แนวโน้มการใช้งานโปรแกรมบัญชี ERP ในอนาคต ิยังคงมีความสำคัญและเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีคุณสมบัติและประโยชน์ที่ส่งผลให้ธุรกิจนั้น ๆ มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทั้งภายในและภายนอก ดังนี้

1. การบริหารจัดการทั้งหมด

โปรแกรมบัญชี ERP จะเป็นศูนย์กลางที่รวมการบริหารจัดการทั้งหมดของธุรกิจ เช่น การเงิน การผลิต การขาย คลังสินค้า ทรัพยากรมนุษย์ และกระบวนการทางธุรกิจอื่น ๆ ที่ส่งผลให้การเชื่อมโยงข้อมูลและกระบวนการทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

2. ความสามารถในการปรับแต่ง

โปรแกรมบัญชี ERP ในอนาคต จะมีความสามารถในการปรับแต่งให้เหมาะสมกับธุรกิจและองค์กรแต่ละแห่งมากยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถกำหนดกระบวนการทำงานและรายละเอียดที่เป็นพิเศษให้เหมาะสมกับความต้องการของตน

3. การใช้เทคโนโลยีเชิงนวัตกรรม

การพัฒนาทางเทคโนโลยีต่าง ๆ อย่างระบบคลาวด์ (Cloud) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระบบเข้ารหัส (Encryption) และการวิเคราะห์ข้อมูล (Analytics) จะทำให้โปรแกรมบัญชี ERP มีความสามารถในการให้ข้อมูลที่มีคุณค่าและประสิทธิภาพสูงขึ้น

4. ความเชื่อมโยงกับอุปกรณ์ IoT

อุปกรณ์ IoT (Internet of Things) ที่เชื่อมต่อกับโปรแกรมบัญชี ERP สามารถให้ข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับการผลิต คลังสินค้า การขาย และกระบวนการธุรกิจอื่น ๆ ที่สามารถนำมาวิเคราะห์และใช้ในการตัดสินใจได้

5. ระบบการชำระเงินและการเงินดิจิทัล

โปรแกรมบัญชี ERP ในอนาคตอาจมีการรวมระบบการชำระเงินและการเงินดิจิทัลเข้ากับระบบ ช่วยในการทำธุรกรรมการเงินออนไลน์และการจัดการการเงินให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

6. การปรับใช้ตามกฎหมายและข้อกำหนด

โปรแกรมบัญชี ERP จะต้องสามารถปรับใช้เพื่อตรงกับข้อกำหนดทางกฎหมายและข้อกำหนดทางการเงินที่เปลี่ยนแปลงได้ เช่น การปฏิบัติตามข้อกำหนดภาษี การบัญชีที่ตรงตาม GAAP และอื่น ๆ

7. การทำงานร่วมกับอินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง

ส่วนใหญ่แล้ว, การทำงานร่วมกับเครือข่ายแห่งสรรพสิ่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถแบ่งปันข้อมูลกับคู่ค้า ผู้จัดการ ลูกค้า และอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ การใช้งานโปรแกรมบัญชี ERP ในอนาคตจะเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการที่ทั้งอยู่ในองค์กรและเชื่อมโยงกับโลกภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพและยืดหยุ่นขึ้น เพื่อเพิ่มความสามารถในการบริหารจัดการธุรกิจ โดยที่ยังคงให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับแผนกและกระบวนการทางธุรกิจที่แตกต่างกันอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดที่สุด

ประโยชน์ของโปรแกรมบัญชีในธุรกิจขนาดเล็กและกลาง

ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (Small and Medium-sized Enterprises หรือ SMEs) คือธุรกิจที่มีขนาดไม่ใหญ่มากและไม่ใช่บริษัทใหญ่หรือองค์กรขนาดใหญ่ ธุรกิจประเภทนี้มักมีลักษณะต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับประเทศและส่วนกฎหมาย ซึ่งอาจจะกำหนดความเป็น SMEs ตามผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ธุรกิจ จำนวนพนักงาน รายได้ประจำปี หรือตัวชี้วัดอื่น ๆ ตามท้องถิ่น

ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง หมายถึงอะไร

ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMEs) หมายถึงกลุ่มของธุรกิจที่มีขนาดเล็กถึงกลางตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ ธุรกิจในกลุ่มนี้มักมีลักษณะการดำเนินงานที่เป็นตัวของเจ้าของธุรกิจ มีจำนวนพนักงานน้อยกว่าบริษัทใหญ่ และมักมีทางเลือกในการจัดการและตัดสินใจที่รวดเร็วมากขึ้น โดยทั่วไปแล้ว มีการกำหนดข้อกำหนดเพื่อจำแนกธุรกิจขนาดเล็กและกลางตามตัวชี้วัดต่าง ๆ เช่น จำนวนพนักงาน, ยอดขายประจำปี, สินทรัพย์รวม, และอื่น ๆ ซึ่งข้อกำหนดเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศหรือเขตภูมิภาค ยิ่งไปกว่านั้น การจำแนก SMEs อาจยังคำนึงถึงลักษณะด้านการดำเนินธุรกิจ เช่น ธุรกิจตามกลุ่มอุตสาหกรรม หรือลักษณะพิเศษอื่น ๆ ที่กำหนดโดยหน่วยงานหรือกฎหมายในแต่ละท้องถิ่น ซึ่งธุรกิจขนาดเล็กและกลาง มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจของประเทศ มีบทบาทในการสร้างงานและรายได้ ส่งเสริมนวัตกรรมและความสร้างสรรค์ และมีส่วนในการกระจายความเจริญรุ่งเรืองในระดับพื้นที่นานาชาติอีกด้วย

ประโยชน์ของโปรแกรมบัญชีใน SMEs

  • ความแม่นยำและความถูกต้องในการบันทึกข้อมูล: โปรแกรมบัญชีช่วยในการบันทึกข้อมูลการเงินอย่างถูกต้องและมีความแม่นยำ ช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดจากข้อผิดพลาดในกระบวนการบัญชีและการเงิน
  • รายงานทางการเงิน: โปรแกรมบัญชีช่วยในการสร้างรายงานการเงินที่สำคัญ เช่น งบการเงิน, งบทดลอง, รายงานภาษี เพื่อให้ผู้บริหารและผู้ถือหุ้นมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจและวางแผนธุรกิจ รวมถึงวิเคราะห์และปรับแผนการเงินเพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
  • การประหยัดเวลาและทรัพยากร: ช่วยลดความซับซ้อนในกระบวนการบัญชีและการเงิน ช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากรที่จะเสียไปในกระบวนการดำเนินธุรกิจ
  • การปฏิบัติตามกฎหมายและภาษี: โปรแกรมบัญชีช่วยในการคำนวณภาษีและการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบัญชีและการเงิน ช่วยในการป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น
  • การวิเคราะห์ผลกระทบของการตัดสินใจทางการเงิน: โปรแกรมบัญชีช่วยในการวิเคราะห์ผลกระทบของการตัดสินใจต่าง ๆ ทางการเงินต่อธุรกิจ ช่วยให้ SMEs สามารถวางแผนเติบโตและการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ
  • การบริหารจัดการธุรกิจ: ช่วยในการวิเคราะห์สถานะการเงินของธุรกิจ ช่วยให้ผู้บริหารมีข้อมูลในการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ เพื่อปรับปรุงการบริหารจัดการและเติบโตในอนาคตได้

ดังนั้น โปรแกรมบัญชีในธุรกิจขนาดเล็กและกลาง หรือ SMEs เป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจในหลายประเทศ เนื่องจากมีบทบาทที่สำคัญในการสร้างงานและสร้างรายได้ รวมถึงเป็นแหล่งสร้างนวัตกรรมและความสร้างสรรค์ในสังคมธุรกิจ. การใช้เทคโนโลยีและการบริหารแบบเป็นระบบจะช่วยให้ SMEs สามารถเติบโตและเหนือกว่าคู่แข่งในระดับท้องถิ่นและระดับนานาชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เรื่องน่ารู้นักธุรกิจ 6 วิธีลดหย่อนภาษีนิติบุคคล ภาษีบริษัท

การเริ่มต้นธุรกิจต้องเริ่มจากการเสียภาษี เพื่อให้เรามีสิทธิ์เป็นเจ้าของธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมายและสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างถูกต้อง และเริ่มต้นธุรกิจอย่างเป็นธรรมในสังคม การจัดการภาษีเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงในการทำธุรกิจ เพื่อทำให้ธุรกิจมีกำไรสูงสุดและเติบโตอย่างยั่งยืน ความรู้และความเข้าใจในเรื่องภาษีช่วยให้เรามีวิธีการจัดการกับภาษีให้เหมาะสมและลดหย่อมภาระในการเสียภาษีนั่นเอง

การยื่นภาษี SMEs คืออะไร

การยื่นภาษีสำหรับธุรกิจขนาดกลางและเล็ก (Small and Medium-sized Enterprises – SMEs) เป็นกระบวนการที่สำคัญและต้องทำอย่างถูกต้องเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายภาษีและลดความเสี่ยงในการเกิดความผิดพลาดหรือค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ขั้นตอนในการยื่นภาษี SMEs ขึ้นอยู่กับประเภทธุรกิจ และกฎหมายที่ใช้อยู่ในประเทศที่ธุรกิจกำลังดำเนินการ นอกจากนี้ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถมีความน่าเชื่อถือและน่าสนใจในสายตาของนักลงทุนและลูกค้า ดังนั้นควรให้ความสำคัญในการศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับขั้นตอนและข้อกำหนดในการยื่นภาษีในประเทศให้ได้มากที่สุด

6 วิธีการลดหย่อนภาษีสำหรับนิติบุคคล

สิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีสำหรับนิติบุคคลมีหลากหลายแบบและมีความแตกต่างไปตามกฎหมายภาษีและนิติบุคคลในแต่ละประเทศ เช่น

1. ค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจสำหรับนิติบุคคลคือค่าใช้จ่ายที่นิติบุคคลต้องจ่ายเพื่อให้ธุรกิจดำเนินการอย่างปกติและสร้างรายได้ให้กับองค์กร ซึ่งอาจรวมถึงค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าหรือวัตถุดิบ ค่าใช้จ่ายในการผลิตสินค้าหรือบริการ ค่าเช่าพื้นที่ธุรกิจ ค่าจ้างพนักงาน และค่าใช้จ่ายในการโฆษณาและตลาดสินค้า การหักค่าใช้จ่ายออกมาจากรายได้ในการคำนวณภาษีจะทำให้นิติบุคคลต้องชำระภาษีน้อยลง เนื่องจากภาษีคำนวณจากยอดกำไรหลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว ซึ่งอย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายที่สามารถหักลดหย่อนภาษีอาจมีข้อจำกัดและเงื่อนไขตามกฎหมายภาษีของแต่ละประเทศ

2. ค่าเสื่อมสภาพ

สินทรัพย์ทางธุรกิจที่มีอายุการใช้งานยาวนานอาจถูกต้องลดหย่อนภาษีเนื่องจากค่าเสื่อมราคา การลดหย่อนนี้สามารถให้กับสินทรัพย์ทางธุรกิจเช่นอาคาร รถยนต์ อุปกรณ์ และเครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ในธุรกิจ สำหรับนิติบุคคลเป็นกระบวนการลดมูลค่าของสินทรัพย์ในธุรกิจตามอายุการใช้งานของสินทรัพย์นั้น ๆ หรือตามอายุการใช้งานที่กำหนดโดยกฎหมายภาษี ซึ่งเป็นข้อกำหนดสำคัญในการหักลดหย่อนภาษีในนิติบุคคล ค่าเสื่อมราคามีวัตถุประสงค์เพื่อให้นำเสนอการสูญเสียมูลค่าของสินทรัพย์ในเวลาที่เป็นความจริง และช่วยให้บริษัทหรือนิติบุคคลมีความสมเหตุสมผลในการคำนวณภาษีอากร

  • ตัวอย่างการคำนวณค่าเสื่อมสภาพ: ถ้านิติบุคคลซื้อรถยนต์ใหม่ในมูลค่า 1,000,000 บาทและมีอายุการใช้งานประมาณ 5 ปี ค่าเสื่อมราคาสำหรับรถยนต์นี้อาจถูกคำนวณว่า 1,000,000 / 5 = 200,000 บาทต่อปี ดังนั้นในแต่ละปีนิติบุคคลสามารถหักลดหย่อนภาษีที่ต้องชำระลงจากกำไรสุทธิตามจำนวนค่าเสื่อมราคานี้

3. การลงทุนในโครงการพัฒนา

การลงทุนในโครงการพัฒนาสำหรับนิติบุคคลเป็นกระบวนการที่นิติบุคคลลงทุนเพื่อพัฒนาโครงการหรือโครงการในสาขาต่างๆ เพื่อสร้างรายได้ สร้างมูลค่าเพิ่มใหม่ และขยายธุรกิจใหม่โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ การลงทุนในโครงการพัฒนานี้อาจเป็นการสร้างอาคารสำหรับใช้งาน การพัฒนาและสร้างอุตสาหกรรม การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ การขยายตลาดใหม่ หรือการลงทุนในโครงการที่ส่งเสริมความยั่งยืนและมีประสิทธิภาพสูง จึงมีความสำคัญอย่างมากเนื่องจากสามารถส่งผลกระทบต่อการเติบโตและกำไรขององค์กรได้โดยตรง นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสที่นิติบุคคลสามารถขยายธุรกิจในกลุ่มกิจการใหม่หรือตลาดใหม่ได้ นอกจากนี้การลงทุนในโครงการพัฒนายังส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมและพัฒนาเทคโนโลยีในองค์กร ช่วยเสริมสร้างชื่อเสียงให้กับองค์กร และช่วยเพิ่มมูลค่าส่วนที่อยู่ในตลาดของนิติบุคคล ในบางกรณี การลงทุนในโครงการพัฒนาหรือโครงการส่งเสริมการลงทุนที่ได้รับการส่งเสริมจากหน่วยงานรัฐบาลอาจได้รับสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี

4. การจ้างงานสำหรับผู้สูงอายุ

การจ้างงานผู้สูงอายุสำหรับนิติบุคคลเป็นกระบวนการที่นิติบุคคลจ้างผู้สูงอายุมาทำงานในองค์กรหรือธุรกิจของตน เป็นทั้งการจ้างงานแบบประจำหรือการจ้างงานแบบชั่วคราว การจ้างงานผู้สูงอายุสามารถสร้างความหลากหลายและความเสมอภาคในองค์กร และเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจให้กับนิติบุคคลได้ ดังนั้นการจ้างงานผู้สูงอายุควรพิจารณาความสามารถและความเหมาะสมของผู้สูงอายุกับงานที่ต้องการ การให้โอกาสและส่งเสริมให้ผู้สูงอายุสามารถทำงานได้อย่างเต็มความสามารถ และการสร้างบรรยากาศที่ส่งเสริมการทำงานที่มีความสุขและความสำเร็จในองค์กร

5. สิทธิประโยชน์ในการลงทุนในวิสาหกิจสามัญ

การลงทุนในวิสาหกิจสามัญสำหรับนิติบุคคลมีสิทธิประโยชน์มากมายที่สามารถเสริมสร้างความเจริญก้าวหน้าและเพิ่มมูลค่าให้กับนิติบุคคลได้ นี่คือสิทธิประโยชน์หลักๆ ของการลงทุนในวิสาหกิจสามัญสำหรับนิติบุคคล เช่น การทำกำไร: การลงทุนในวิสาหกิจสามัญเป็นโอกาสในการทำกำไรสูงขึ้นสำหรับนิติบุคคล เนื่องจากวิสาหกิจสามัญมีศักยภาพในการสร้างรายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้นในระยะยาว เช่น ความเจริญเติบโตของธุรกิจ ควบคุมการเสี่ยง ส่งเสริมนวัตกรรม ส่วนแบ่งผลประโยชน์ ส่งเสริมภาพลักษณ์และสัญชาติตรา ดังนั้นควรให้ความสำคัญในการศึกษาและการวางแผนก่อนการลงทุนเพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดและลดความเสี่ยงในการลงทุนในวิสาหกิจสามัญ แนะนำให้นิติบุคคลปรึกษาที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการลงทุนเพื่อให้เกิดผลการลงทุนที่ดีที่สุดสำหรับองค์กร ในบางกรณี การลงทุนในวิสาหกิจสามัญที่ได้รับการส่งเสริมจากหน่วยงานรัฐบาลอาจได้รับสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี

6. การทำประกันชีวิตสำหรับนิติบุคคล

เป็นกระบวนการที่นิติบุคคลทำการซื้อประกันชีวิตเพื่อปกป้องความเสี่ยงในกรณีที่มีเหตุขัดข้องที่อาจเกิดขึ้นกับคนที่มีตำแหน่งหน้าที่ในองค์กรหรือสำหรับพนักงานที่มีบทบาทสำคัญในการดำเนินธุรกิจ การทำประกันชีวิตสามารถให้ความคุ้มครองในกรณีที่ผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนเสียชีวิต หรือป่วยเป็นโรคร้ายแรง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจหรือองค์กรในลักษณะต่าง ๆ เช่น การปกป้องความเสี่ยง การบำรุงความเชื่อถือในองค์กร การเพิ่มมูลค่าให้กับองค์กร การสร้างสัญญาณภาพ การดูแลสวัสดิการและพนักงาน ดังนั้นการทำประกันชีวิตจึงเป็นทางเลือกที่ดีในการวางแผนการเงินให้กับนิติบุคคล โดยสามารถปรับเปลี่ยนแผนการเงินให้เหมาะสมกับความต้องการและสภาพความเสี่ยงขององค์กรได้

อย่างไรก็ตาม การลดหย่อมภาษีนิติบุคคลหรือภาษีบริษัทเป็นกระบวนการที่นิติบุคคลมีโอกาสลดจำนวนเงินภาษีที่ต้องเสียในการดำเนินธุรกิจหรือกิจกรรมต่าง ๆ โดยใช้กฎหมายและมาตรการทางภาษีต่าง ๆ ซึ่งสามารถทำได้ตามกฎหมายที่มีในแต่ละประเทศ ดังนั้น จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายภาษีที่มีในแต่ละประเทศและควรปรึกษาเรื่องภาษีกับที่ปรึกษาทางการเงินและนักกฎหมายเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการลดหย่อมภาษีสำหรับนิติบุคคล

Education Template

Scroll to Top