โปรแกรมบัญชี

โปรแกรมบัญชี AccCloud ERP

ประโยชน์ของโปรแกรมบัญชีในธุรกิจขนาดเล็กและกลาง

ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (Small and Medium-sized Enterprises หรือ SMEs) คือธุรกิจที่มีขนาดไม่ใหญ่มากและไม่ใช่บริษัทใหญ่หรือองค์กรขนาดใหญ่ ธุรกิจประเภทนี้มักมีลักษณะต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับประเทศและส่วนกฎหมาย ซึ่งอาจจะกำหนดความเป็น SMEs ตามผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ธุรกิจ จำนวนพนักงาน รายได้ประจำปี หรือตัวชี้วัดอื่น ๆ ตามท้องถิ่น

ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง หมายถึงอะไร

ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMEs) หมายถึงกลุ่มของธุรกิจที่มีขนาดเล็กถึงกลางตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ ธุรกิจในกลุ่มนี้มักมีลักษณะการดำเนินงานที่เป็นตัวของเจ้าของธุรกิจ มีจำนวนพนักงานน้อยกว่าบริษัทใหญ่ และมักมีทางเลือกในการจัดการและตัดสินใจที่รวดเร็วมากขึ้น โดยทั่วไปแล้ว มีการกำหนดข้อกำหนดเพื่อจำแนกธุรกิจขนาดเล็กและกลางตามตัวชี้วัดต่าง ๆ เช่น จำนวนพนักงาน, ยอดขายประจำปี, สินทรัพย์รวม, และอื่น ๆ ซึ่งข้อกำหนดเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศหรือเขตภูมิภาค ยิ่งไปกว่านั้น การจำแนก SMEs อาจยังคำนึงถึงลักษณะด้านการดำเนินธุรกิจ เช่น ธุรกิจตามกลุ่มอุตสาหกรรม หรือลักษณะพิเศษอื่น ๆ ที่กำหนดโดยหน่วยงานหรือกฎหมายในแต่ละท้องถิ่น ซึ่งธุรกิจขนาดเล็กและกลาง มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจของประเทศ มีบทบาทในการสร้างงานและรายได้ ส่งเสริมนวัตกรรมและความสร้างสรรค์ และมีส่วนในการกระจายความเจริญรุ่งเรืองในระดับพื้นที่นานาชาติอีกด้วย

ประโยชน์ของโปรแกรมบัญชีใน SMEs

  • ความแม่นยำและความถูกต้องในการบันทึกข้อมูล: โปรแกรมบัญชีช่วยในการบันทึกข้อมูลการเงินอย่างถูกต้องและมีความแม่นยำ ช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดจากข้อผิดพลาดในกระบวนการบัญชีและการเงิน
  • รายงานทางการเงิน: โปรแกรมบัญชีช่วยในการสร้างรายงานการเงินที่สำคัญ เช่น งบการเงิน, งบทดลอง, รายงานภาษี เพื่อให้ผู้บริหารและผู้ถือหุ้นมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจและวางแผนธุรกิจ รวมถึงวิเคราะห์และปรับแผนการเงินเพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
  • การประหยัดเวลาและทรัพยากร: ช่วยลดความซับซ้อนในกระบวนการบัญชีและการเงิน ช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากรที่จะเสียไปในกระบวนการดำเนินธุรกิจ
  • การปฏิบัติตามกฎหมายและภาษี: โปรแกรมบัญชีช่วยในการคำนวณภาษีและการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบัญชีและการเงิน ช่วยในการป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น
  • การวิเคราะห์ผลกระทบของการตัดสินใจทางการเงิน: โปรแกรมบัญชีช่วยในการวิเคราะห์ผลกระทบของการตัดสินใจต่าง ๆ ทางการเงินต่อธุรกิจ ช่วยให้ SMEs สามารถวางแผนเติบโตและการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ
  • การบริหารจัดการธุรกิจ: ช่วยในการวิเคราะห์สถานะการเงินของธุรกิจ ช่วยให้ผู้บริหารมีข้อมูลในการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ เพื่อปรับปรุงการบริหารจัดการและเติบโตในอนาคตได้

ดังนั้น โปรแกรมบัญชีในธุรกิจขนาดเล็กและกลาง หรือ SMEs เป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจในหลายประเทศ เนื่องจากมีบทบาทที่สำคัญในการสร้างงานและสร้างรายได้ รวมถึงเป็นแหล่งสร้างนวัตกรรมและความสร้างสรรค์ในสังคมธุรกิจ. การใช้เทคโนโลยีและการบริหารแบบเป็นระบบจะช่วยให้ SMEs สามารถเติบโตและเหนือกว่าคู่แข่งในระดับท้องถิ่นและระดับนานาชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

8 รายจ่ายต้องห้ามทางภาษี รู้ก่อนเสียเงินฟรี

ภาษีเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการเกิดรายได้ของรัฐบาลและมีบทบาทในการส่งเสริมความเสมอภาคในสังคม แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีบางรายจ่ายที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเราที่ไม่ต้องมีการเสียภาษีใดๆ นอกจากนี้ยังมีบางรายจ่ายที่ต้องทำการเสียภาษีเรียกว่าหนีไม่ได้เลยอย่างการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลก็คงจะหนีไม่พ้นสิทธิที่บริษัทเสียภาษีบนฐานของผลกำไรของบริษัท ในบทความนี้ เราจะมาพิจารณา 8 รายจ่ายที่ต้องห้ามทางภาษีในประเทศไทย ห้ามนำไปคิดคำนวณเป็นรายจ่ายตอนเสียภาษีเด็ดขาด เพราะผิดกฎหมาย มีหลักๆ ดังนี้

1.เงินช่วยเหลือหรือเงินสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐบาล

เงินช่วยเหลือหรือเงินสนับสนุนที่ได้รับจากหน่วยงานรัฐบาลในกรณีเหตุฉุกเฉินหรือสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันอาจไม่ต้องเสียภาษี

2.รายได้จากการทำกิจการธุรกิจที่ได้รับยกเว้นภาษี

บางธุรกิจและกิจการอาจได้รับยกเว้นภาษีในบางกรณี อย่างเช่น การลงทุนในธุรกิจของพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ (BOI) หรือธุรกิจที่ได้รับสิทธิประโยชน์จากหน่วยงานรัฐบาล

3.รายได้จากการซื้อขายทองคำ

รายได้ที่ได้รับจากการซื้อขายทองคำในรูปของทองคำชนิดต่างๆ ที่ได้รับการยกเว้นภาษีซึ่งกำหนดโดยกฎหมาย

4.รายได้จากการรับของขวัญและบริจาค

เงินที่ได้รับจากการรับของขวัญและบริจาคที่อยู่ในกรอบที่กฎหมายกำหนดสามารถรับได้โดยไม่ต้องเสียภาษี

5.เงินเดือนและค่าจ้าง

เงินเดือนและค่าจ้างที่ได้รับจากการทำงานที่มีเงื่อนไขตามกฎหมาย ส่วนใหญ่ไม่ต้องเสียภาษีเนื่องจากภาษีได้ถูกหักก่อนการจ่ายเงินเดือนและค่าจ้าง

6.การรับประโยชน์ทางสวัสดิการและสิทธิประโยชน์อื่นๆ

การรับสวัสดิการเช่น ค่าคลอดบุตร ค่าทำฟัน สวัสดิการเงินบำนาญ และสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่ได้รับจากหน่วยงานรัฐบาลในบางกรณีอาจไม่ต้องเสียภาษี

7.เงินรางวัลที่ได้รับในการแข่งขัน

เงินรางวัลที่ได้รับจากการแข่งขันต่างๆ เช่น กีฬา ศิลปะ การแสดง และกิจกรรมอื่นๆ ที่ได้รับรางวัลไม่ต้องเสียภาษี

8.เงินออมในบัญชีออมทรัพย์

เงินที่อยู่ในบัญชีออมทรัพย์ที่เปิดในธนาคารมีการยกเว้นภาษีเมื่อถอนเงินเป็นครั้งแรกไม่เกิน ฿500,000 ต่อปีภาษี สำหรับบัญชีที่อยู่ค้างไว้เกิน 7 ปีและออกให้กับคนที่มีอายุมากกว่า 55 ปีขึ้นไป ยกเว้นการเสียภาษีอากรที่แน่นอนในทุกกรณี

ในการจัดการเงินและการวางแผนการเสียภาษี ควรให้ความสำคัญในการตรวจสอบรายจ่ายให้ดีว่ามาจากส่วนไหนบ้่างแยกเป็นหมวดหมู่อย่างละเอียด อย่านำมาปะปนกันเพื่อการวางแผนการเงินระยะยาว ของเราในอนาคต ต้องระวังไม่ให้เกิดการละเมิดกฎหมายทางภาษีอาจมาจากการที่เราทำข้อมูลรายการการเสียภาษีผิดพลาด สามารถส่งผลให้ต้องเสียภาษีเพิ่มเติม และอาจถูกเสียค่าปรับและโทษทางภาษีจากเจ้าหน้าที่หรืออาจเสียภาษีโดยไม่ได้รับการยกเว้น ดังนั้น ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับภาษีและการเสียภาษีให้ละเอียดก่อนดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับเงินหรือทรัพย์สินในทุกครั้ง 

ส่วนใครที่เริ่มเสียภาษีครั้งแรก ไม่รู้ว่าต้องเริ่มจากตรงไหน สามารถตรวจสอบข้อมูลภาษี ที่เว็บ https://www.rd.go.th/272.html กรมสรรพากรได้เลย 

ใครบ้างที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม? สามารถจดได้ตอนไหน?

ระบบภาษีในประเทศไทย มีผลต่อธุรกิจทุกอย่างเป็นจำนวนมากธุรกิจที่ดำเนินกิจการในประเทศไทยจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจข้อกำหนดในการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อให้มั่นใจว่าเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับด้านภาษี เราจะพามาเจาะลึกถึงรายละเอียดว่าธุรกิจแบบใดบ้าง ที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และให้ข้อมูลเชิงลึกว่าเมื่อใดที่ควรจดบันทึกขั้นตอนการจดทะเบียน

ผู้มีหน้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

ธุรกิจที่เข้าเกณฑ์ที่กำหนดจะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยทั่วไปธุรกิจที่มีหน้าที่ต้องลงทะเบียน คือ

  • ธุรกิจที่มีรายรับหรือรายได้จากการขายสินค้า หรือบริการเป็นยอดจำนวนเงินมากกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี
  • ธุรกิจขายสินค้าหรือให้บริการ ที่พิสูจน์ได้ว่ามีการดำเนินงาน และเตรียมการประกอบกิจการอันเป็นเหตุให้ต้องมีการซื้อสินค้า หรือรับบริการที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น การก่อสร้างโรงงาน หรือก่อสร้างอาคารสำนักงาน 
  • ธุรกิจที่อยู่นอกราชอาณาจักรและได้ขายสินค้าอยู่ภายในราชอาณาจักร โดยมีตัวแทนอยู่ภายในราชอาณาจักร ให้ตัวแทนเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบการจดทะเบียน

ต้องเริ่มจดภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อไหร่

การติดตามปริมาณการขายของธุรกิจเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญ ที่ต้องใช้ประกอบในการพิจารณาว่าเมื่อใดจำเป็นต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม นี่คือเหตุผลสำคัญที่ควรพิจารณา

ตรวจสอบยอดขาย

หมั่นตรวจสอบรายได้ของธุรกิจเป็นประจำ เพื่อประเมินว่าใกล้ถึงหรือเกินเกณฑ์การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มรึยัง 

ติดตามการคาดการณ์ในอนาคต

ถ้าคุณคาดว่าธุรกิจของคุณจะเติบโตและผ่านเกณฑ์การจดทะเบียน VAT ในอนาคต เราขอแนะนำให้เริ่มกระบวนการลงทะเบียนตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนด และตามเวลา

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี

ถ้าคุณไม่แน่ใจ เกี่ยวกับข้อกำหนดในการจดทะเบียนหรือต้องการความช่วยเหลือในการปรึกษา คาดการณ์ว่าควรจดทะเบียนเมื่อใด แนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีหรือกรมสรรพากรในประเทศไทย เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและแม่นยำ

ระยะเวลาในการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

เมื่อธุรกิจของคุณมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ในการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม จะต้องทำการยื่นขอจดทะเบียนภายใน 30 วัน เริ่มนับจากวันที่ธุรกิจของคุณผ่านเกณฑ์หรือทราบว่าจะเกินเกณฑ์

การทำความเข้าใจข้อกำหนดในการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในประเทศไทยเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจที่จะต้องปฏิบัติตามข้อบังคับด้านภาษี เมื่อระบุว่าธุรกิจของคุณเป็นไปตามเกณฑ์ และขอแนะนำให้ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีหรือกรมสรรพากรเพื่อจัดการกับคำถามที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่คุณอยากรู้

ถ้าคุณมีความกังวลในการทำเอกสารเกี่ยวกับภาษี
เราขอแนะนำ “โปรแกรมบัญชี” ที่จะช่วยจัดการงานด้านเอกสารเกี่ยวกับภาษีได้รวดเร็วและถูกต้อง
สนใจเข้าใช้บริการโปรแกรมบัญชี AccCloud สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : acccloud.tech

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

8 ข้อที่ควรรู้ ก่อนเริ่มขั้นตอนการขึ้นระบบโปรแกรมบัญชี

ในปัจจุบัน การใช้แรงงานคนในการทำงาน หรือที่เรียกว่าระบบ Mannual กลายเป็นสัญลักษณ์ของความล้าหลัง ถ้าพูดถึงการทำธุรกิจก็จะมีสิ่งหนึ่งควบคู่ตามกันมาคือการทำบัญชี เพราะมีความเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กับหลายสิ่งมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายภาษี การคุมต้นทุน งบกำไรต่างๆ และการใช้คนในการทำบัญชี ก็มักจะเกิดความผิดพลาดและล่าช้า ทำให้เกิดการสร้างสิ่งที่จะช่วยให้การทำบัญชีสะดวกมากขึ้น นั่นก็คือ “โปรแกรมบัญชี” ที่จะเข้ามามีส่วนช่วยในการทำบัญชีของธุรกิจ ช่วยลดต้นทุน เก็บรักษาข้อมูล จัดแจงงานบัญชีและแบ่งส่วนงานต่างๆ ขององค์กร แต่การใช้โปรแกรมบัญชีก็ยังคงต้องการคนคอยควบคุมการทำงานอยู่แต่ใช้กำลังคนน้อยลง ทำให้ไม่ต้องจ้างพนักงานจำนวนมาก ซึ่งก่อนที่จะเริ่มใช้โปรแกรมบัญชี มีข้อที่ควรรู้ก่อนการขึ้นระบบโปรแกรมบัญชี

แนะนำข้อที่ควรรู้ ก่อนเริ่มขั้นตอนการขึ้นระบบโปรแกรมบัญชี

1. ประชุมสรุปหาความต้องการ

รวบรวมตัวแทนทีมงานแต่ละส่วน เพื่อเข้าร่วมการประชุมหาความต้องการของระบบ ว่าถ้าต้องการใช้โปรแกรมบัญชี มีความจำเป็นยังไงบ้าง และมีฟังก์ชั่นอะไรที่จำเป็นสำหรับธุรกิจของเรา และมีความจำเป็นมากพอหรือไม่ ที่จะลงทุนใช้โปรแกรมบัญชี เพื่อให้การทำงานง่ายขึ้น

2. Mapping การใช้งาน

วางแผนการใช้งานของโปรแกรมบัญชีที่ต้องการว่าแต่ละหน่วยงาน มีความจำเป็นต้องใช้ฟังก์ชั่นส่วนไหนบ้างของโปรแกรม เพื่อให้การทำงานมีความชัดเจนและราบรื่น เพราะการวางแผนที่ดีจะช่วยให้ การทำงานแต่ละหน่วยงานขึ้นและทำงานร่วมกันได้ดี

3. สอนการใช้งานหน่วยที่เกี่ยวข้อง

หลังจากประชุมสรุปหาความต้องการและวางแผนการทำงานเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องมีการเชิญตัวแทนของแต่ละหน่วยงานมาศึกษาวิธีการทำงานของโปรแกรมบัญชี เพื่อให้เข้าใจวิธีการทำงานอย่างถูกต้อง

4. จัดเตรียมข้อมูล

จัดเตรียมข้อมูลต่างๆ ที่ต้องใช้ตาม template ที่ถูกเตรียมไว้ด้วย Microsoft Excel เพื่อให้นำข้อมูลการเงินต่างๆ ที่ต้องนำเข้าระบบโปรแกรมบัญชีได้ง่าย และข้อมูลมีความถูกต้อง

5. นำข้อมูลเข้าสู่ระบบ

หลังจากทำการเตรียมข้อมูลเรียบแล้ว ให้เริ่มนำข้อมูลทั้งหมดที่ได้เตรียมไว้อัพโหลดขึ้นบนโปรแกรมบัญชี ข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ในการคำนวณ วิเคราะและสร้างแบบฟอร์มต่างๆ ของโปรแกรมบัญชี

6. นัดอบรมการใช้งานแยกแต่ละแผนก 

หลังจากที่ตัวแทนแต่ละหน่วยงานได้รับการสอนวิธีการใช้งานแล้ว ก็ต้องนำความรู้ที่ได้มาสอนแก่พนักงานคนอื่นภายในแผนก เพื่อให้เข้าใจวิธีการทำงานและใช้งานอย่างทั่วถึง

7. ปรับแต่งแบบฟอร์ม 

ก่อนการเริ่มใช้โปรแกรมบัญชี ต้องปรับแบบฟอร์มให้สอดคล้องกับการใช้งาน เพราะในแต่ละแบบฟอร์มจะมีรายละเอียดของธุรกิจที่แตกต่างกันออกไป และจะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการแก้ไขแบบฟอร์มหลายๆ ครั้ง

8. ขึ้นระบบ และ ติดตามข้อมูลที่เข้าสู่ระบบ

เริ่มการใช้งานโปรแกรมบัญชี และคอยติดตามข้อมูลภายในโปรแกรมว่ามีความครบถ้วนหรือ จะได้ลดโอกาสเกิดความผิดพลาด และได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง 100% 

และทั้งหมดนี่ก็คือ ข้อที่ควรรู้ก่อนเริ่มขั้นตอนการขึ้นระบบโปรแกรมบัญชี ที่ทำได้ง่ายและไม่ยากการปรับมาใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์ดีกว่าการทำบัญชีแบบเดิม ที่อาจเกิดข้อผิดพลาดได้ตลอดเวลาและล่าช้ามาก การหันมาใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์จะช่วยให้การทำบัญชีและการจัดการของธุรกิจคุณง่ายมากยิ่งขึ้น และลดความผิดพลาดจากการทำงาน ด้วยฟังก์ชั่นและแบบฟอร์มเอกสารที่หลากหลาย ทำให้ไม่จำเป็นต้องจ้างพนักงานจำนวนมาก และในทุกขั้นตอนการขึ้นระบบโปรแกรมบัญชี จะมีทีมดูแลและให้คำปรึกษาการใช้งานจากโปรแกรมบัญชีออนไลน์ ทำให้ไม่ต้องกังวลในแต่ละขั้นตอนเลย

สำหรับใครที่สนใจใช้งานโปรแกรมบัญชี AccCloud ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : AccCloud.tech
หรือถ้าอยากดูฟังก์ชั่นเพิ่มเติมก็สามารถเข้าทดลองการใช้งานได้ที่ คลิ๊ก

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ลงทุนอะไรดี ให้มีกำไร ปี 2566

การลงทุนในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2566 มีความหลากหลายมากขึ้น โดยในภาคส่วนต่างๆ มีศักยภาพในการเติบโตสูง ประเทศไทยเป็นเศรษฐกิจที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีโอกาสมากมายสำหรับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ หรือแม้กระทั่งบุคคลทั่วไป 

การลงทุนนั้นไม่มีข้อกำจัด เรื่องของเงินว่าต้องลงทุนที่เท่าไหร่ และเราจะมาแนะนำการลงทุนต่างๆ ที่สามารถสร้างกำไรได้ ด้วยการยกตัวอย่างการลงทุนด้วยเงิน 10,000 บาทสามารถทำอะไรได้บ้างและผลกำไรจะออกมาเป็นยังไง แต่อันดับแรกที่เราต้องรู้เลยคือการลงทุนต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง

ข้อควรพิจารณาก่อนเริ่มการลงทุน

  1. เงินลงทุนต้องเป็นเงินเย็น 

เงินเย็นเป็นเงินที่ได้จากการเหลือเก็บ เป็นเงินที่ไม่จำเป็นต้องนำไปใช้จ่ายอะไร แต่ถ้ายังมีพัธที่อาจจะต้องใช้เงินตรงนี้แนะนำให้อย่าพึ่งลงทุนจะดีกว่า

  1. ต้องมีเงินสำรอง

ก่อนจะลงทุนควรมีเงินทุนสำรองไว้ เพราะเราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง ถ้ามีเงินสำรองใช้จ่ายเพียงพอ ค่อยมาลงทุน และจะได้ไม่เสี่ยงไปกู้เงินหรือยืมเงินคนอื่นอีกด้วย

  1. ลงทุนไปเพื่ออะไร

หาเป้าหมายในการลงทุน เพื่อที่จะได้จัดสรรปันส่วนของการลงทุนออกได้อย่างถูกจุด และตรงความต้องการ เช่น ใช้ซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือไว้จัดงานแต่งงาน

  1. ต้องการใช้ระยะเวลาเท่าไหร่

คำนวณระยะเวลาที่ต้องการลงทุน เพื่อนำมาพิจารณาว่าเราควรเลือกลงทุนกับอะไร ลงทุนระยะสั้นหรือระยะยาว จะได้ไม่ลงทุนผิดประเภท

  1. พร้อมรับความเสี่ยงไหม

เพราะทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ทั้งเสี่ยงที่จะได้กำไรสูง และเสี่ยงที่จะขาดทุนจนหมด จึงควรคิดและพิจารณาให้ดีก่อนว่าต้องการลงทุนไหม และลงทุนกับอะไรที่เราจะรับความเสี่ยงได้ไหว

แล้วถ้ามีงบ 10,000 บาทควรเลือกลงทุนอะไร

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าด้วยเงิน 10,000 บาท อาจจะยังไม่สามารถทำกำไรให้ผลตอบแทนที่สูงมาก ได้ แต่อาจจะทยอยเก็บผลกำไรสะสมไว้ เมื่อเวลาผ่านไปจึงค่อยนำเงินจากการทำกำไรนั้น มารวมเป็นก้อนใหญ่แล้วนำไปลงทุนเพิ่ม เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น ตามวิธีต่างๆที่เราจะแนะนำต่อไปนี้

  1. พันธบัตรรัฐบาล 

หรือพันธบัตรออมทรัพย์ ออกโดยกระทรวงการคลัง เป็นตราสารหนี้ เพื่อกู้เงินจาก ปชช. โดยส่วนใหญ่จะมีอายุ 3-10 ปี ดอกเบี้ย 2% สูงสุด 4% แล้วแต่ระยะเวลา ยิ่งนานยิ่งมีดอกเบี้ยสูง ผลตอบแทนจะไม่สูงมาก แล้วแต่อายุของพันธบัตร และดอกเบี้ยที่ได้จะถูกหักด้วยภาษี ณ ที่จ่าย 15% 

  1. ออมทอง

การออมทองเป็นการลงทุนที่ง่าย เพราะสามารถลงทุนหลักร้อยหลักพันได้ ตามเงื่อนไขของร้านทองที่เราเลือก และเมื่อออมทองจนครบกำหนด ก็สามารถถอนทองออกมาได้ หรือเลือกฝากไว้กับร้านก็ได้ แต่ต้องเลือกร้านให้ดี และเลือกร้านที่เงื่อนไขเหมาะสมกับเรา แต่ก็จะมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ ทั้งผลดีและผลเสียเพราะต้องวัดจากราคาทองว่าอยู่ขาขึ้นหรือขาลง

  1. การซื้อหุ้น

ด้วยงบ 10,000 บาทก็สามารถลงทุ้นกับการซื้อหุ้นได้ แต่ก็จะมีตัวเลือกให้น้อยมากตามงบ และการซื้อขายหุ้นก็ยังมีคาธรรมเนียมและภาษีที่จะถูกหักอีก เพราะฉะนั้นการลงทุนซื้อหุ้นจะไม่เหมาะสำหรับการเร่งรีบซื้อมา ขายไป เพราะอาจทำให้ขาดทุนหนัก อาจใช้วิธีซื้อทิ้งไว้ เพื่อให้ได้รับผลกำไรจากเงินปันผล หรือส่วนต่างของราคาได้ แต่การลงทุนกับหุ้นจำไว้ว่ามีความเสี่ยง 10-20% เลยที่จะขาดทุน ถ้าจะลงทุนกับหุ้นจริงๆ ขอแนะนำให้ศึกษาเกี่ยวกับหุ้นที่เราจะซื้อให้ดีก่อนตัดสินใจ

  1. ฝากเงินในบัญชี

วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากเสี่ยงขาดทุน ให้นำเงินไปฝากกับธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยสูงๆ ปัจจุบัน มีการฝากทั้งแบบออมทรัพย์ดิจิทัล และเงินฝากประจำ ที่สามารถรับดอกเบี้ยได้มากถึง 3% ต่อปี ถ้านำเงินไปฝากไว้และไม่ถอนออกมาเลย เช่น

  • ฝากเงิน 5,000 บาท รับดอกเบี้ย 3% ครบ 1 ปี ได้รับดอกเบี้ย 150 บาท
  • ฝากเงิน 5,000 บาท รับดอกเบี้ย 3% ครบ 1 ปี ได้รับดอกเบี้ย 300 บาท
  • ฝากเงิน 5,000 บาท รับดอกเบี้ย 3% ครบ 1 ปี ได้รับดอกเบี้ย 450 บาท
  1. การลงทุนสร้างกิจการ

การลงทุนค้าขายหรือทำกิจการเล็กๆ ของตัวเอง เป็นสิ่งที่สามารถเลือกทำตามความถนัดหรือความต้องการของตัวเองได้ เป็นนายตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น

  • กิจการขายอาหาร ขนม เบเกอรี่่
  • กิจการขายเสื้อผ้า ของใช้ต่างๆ
  • ซื้อแฟรนไชส์ที่เราสนใจ
  • บริการดูแลสัตว์เลี้ยง 

แต่การเป็นนายตัวเองก็แลกมากับความเหนื่อยที่มากขึ้น เพราะต้องลงทุน ลงแรงเอง และต้องสู้ด้วยความขยัน ถ้าเราทำได้ถูกทางผลตอบแทนก็จะดีตาม


และที่เราได้ยกตัวอย่างมาให้อ่านนี้ก็คือสิ่งที่ควรรู้ก่อนการลงทุน ว่าถ้าเรามีเงินแค่ 10,000 บาท เราควรที่จะลงทุนไหม และควรที่จะลงทุนกับอะไรเพื่อให้ เกิดผลประโยชน์สูงสุดสำหรับเรา

ธุรกิจล้มเหลว เสี่ยงลงทุนไม่รอด หากยังทำ 7 พฤติกรรมเหล่านี้

การลงทุน มักควบคู่กับความเสี่ยงเสมอ ยิ่งเราลงทุนมากแค่ไหน เราก็ต้องเสี่ยงที่จะขาดทุนได้เช่นกัน ยิ่งในด้านการตลาด มักจะเจอความเสี่ยงในการลงทุนได้ตลอดเวลา แต่ใช่ว่าการลงทุน จะไม่ไดผลตอบแทนเสมอไป ยิ่งเราเลือกที่จะลงทุนในช่วงตลาดขาขึ้น ก็ทำให้ได้ผลตอบแทนที่เกินเป้าหมายได้เช่นกัน แต่ก่อนจะเริ่มลงทุนนั้น ต้องรู้ถึงความเสี่ยงจาก 7 พฤติกรรมดังนี้ก่อน

รวม 7 พฤติกรรม เสี่ยงลงทุนไม่รอด

1. ทุ่มหมดตัว กล้าได้กล้าเสีย

การลงทุนแบบเทหน้าตัก หรือลงทุนแบบหมดตัว เพราะหวังว่าจะได้กลับคืนมาเท่าตัว เป็นความคิดที่ผิดมาก เพราะการลงทุน คือการแบ่งเงินส่วนต่าง ๆ ไปลงทุนในธุรกิจที่มีความเสี่ยง ดังนั้น ควรจะแบ่งสัดส่วนเงินในการลงทุนให้พอดี เพื่อกันปัญหาขาดทุนในอนาคต

2. เชื่อข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริง

หากเชื่อข่าวที่พบเห็นได้ง่าย และไม่ได้มีการคัดกรอง เสี่ยงไม่น้อยที่จะทำให้ขาดทุนได้เช่นกัน ดังนั้นหากเจอข่าวลือ ให้ควรศึกษาอย่างถี่ถ้วนทุกครั้ง และไม่ควรเชื่อเสมอไป

3. ลงทุนโดยไม่ศึกษาให้ครบถ้วน

การตลาดเป็นสิ่งไม่แน่นอนและคงที่ หากเราลงทุนในสิ่งที่เรายังไม่เข้าใจดี ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน เนื่องจากความไม่เข้าใจทางการตลาดของธุรกิจนั้น ๆ ก็ทำให้การลงทุนติดลบ หรือขาดทุนได้ในที่สุด ดังนั้นเป็นไปได้ ควรศึกษาอย่างถี่ถ้วน ครบทุกความเข้าใจก่อนเริ่มการลงทุน

4. ไม่ติดตามข่าวสาร

เนื่องจากการตลาดมีการเคลื่อนไหวไม่แน่นอน และผันผวนแทบตลอดเวลา การไม่ติดตามข่าวสารด้านการตลาดเลย ทำให้พลาดสิ่งสำคัญในการลงทุนได้ ดังนั้น ควรติดตามข่าวสารด้านการตลาดอย่างน้อย 2 – 3 วัน หรือเป็นไปได้ก็ลองดูการตลาดในทุก ๆ วัน เพื่อให้ทันข่าวสารด้านนี้อย่างหมดจด

5. ไม่อดทนต่อการลงทุน

เนื่องจากการลงทุน มักคู่กับความเสี่ยง มีขาดทุนบ้าง ได้ผลตอบแทนบ้าง แต่หากเลือกที่จะทำไม่นาน แล้วหยุดไปเลย ก็อาจทำให้เสียโอกาสในการลงทุนได้ ดังนั้นนักลงทุนควรเข้าใจในธรรมชาติของการลงทุน มเสียบ้าง ก็ต้องมีได้บ้างเป็นเรื่องปกติ และยิ่งลงทุนเป็นเวลานาน โอกาสในการขาดทุนก็ยิ่งน้อยลงเช่นกัน 

6. กลัวการลงทุน

หากกลัวในการลงทุนว่าจะเสี่ยงขาดทุนมากแค่ไหน ก็ยิ่งเสียโอกาสในช่วงขาขึ้นของการตลาด แต่ให้เข้าใจไว้เสมอ ว่ายิ่งเราศึกษาการลงทุนดีแค่ไหน โอกาสในการขาดทุนก็ยิ่งน้อยลงแค่นั้น และเข้าใจในธรรมชาติของการตลาด แล้วเราจะค่อย ๆ หายกลัวในการลงทุนได้เอง

7. มั่นใจในการลงทุนมากเกินไป

การมั่นใจในการลงทุนก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่ แต่หากมั่นใจเกินไป โดยไม่ได้นึกถึงการตลาดที่มักเปลี่ยนไปได้ทุกเวลา ก็เสี่ยงขาดทุนได้เช่นกัน ดังนั้นการลงทุน ควรลงทุนแค่พอดี เพื่อผลตอบแทนที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ 

การได้รู้ว่าพฤติกรรมแบบไหนที่เสี่ยงทำให้การลงทุนมีความเสี่ยง ก็ควรหยุดและค่อย ๆ ปรับตัวไปกับการลงทุนนั้น ๆ แต่ต้องเข้าใจธรรมชาติของการตลาดเสมอ ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ลงทุน ไม่ควรใจร้อนจนเกินไป เพื่อให้การลงทุนมีความเสี่ยงที่น้อยที่สุด และได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด

4 เหตุผลผิด ๆ ของการวางแผนทางการเงิน

การวางแผนทางการเงินนั้น เป็นสิ่งสำคัญไม่น้อย ที่ช่วยให้ธุรกิจและการลงทุนต่าง ๆ คล่องตัว มั่นคงและมีประสิทธิภาพ ซึ่งหากวางแผนทางเงินเร็วแค่ไหน โอกาสในการลงทุนรวมทั้งธุรกิจต่าง ๆ ก็ยิ่งคล่องตัวแค่นั้น เนื่องจากการเงินมีการผันผวนตลอดเวลา จึงต้องมีการวางแผนที่จะใช้เงินในการลงทุนต่าง ๆ เพื่อให้ผลตอบแทนออกมาดีที่สุด แต่หากไม่รู้เหตุผลผิด ๆ ในการลงทุนนั้นเลย ก็มีสิทธิที่จะทำให้ธุรกิจนั้นไม่ถึงเป้าหมาย หรือขาดทุนได้ในที่สุด

1. ไม่มีความรู้ในการวางแผนทางการเงินมากพอ

หากคิดว่าตนเองไม่มีความรู้เลยในการวางแผนทางการเงิน จึงไม่กล้าที่จะลงมือทำ ควรจะเริ่มจากบันทึกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในแต่ละวัน เช่น บันทึกรายรับ บันทึกรายจ่าย และเพิ่มเงินออมไปได้ ซึ่งการทำวธีนี้ทำให้รู้เส้นทางการเินเงินของเราว่าไปในทิศทางไหน และสามารถวางแผนในอนาคตต่อไปได้

2. ไม่มีเวลา

การวางแผนทางการเงิน บางคนอาจคิดว่ามันยุ่งยากจนไม่มีเวลาทำ ไม่จริงเลย เนื่องจากการวางแผนทางการเงิน เป้นการประเมินค่าใช้จ่ายในแต่ละวันหรือแต่ละเดือนว่าไปในทิศทางบวกหรือทิสทางลบ แล้วนำมาคำนวณว่าเดือนต่อ ๆ ไปควรใช้เงินประมาณเท่าไหร่ จึงจะสมดุลกันนั่นเอง

3. ยังไม่พร้อมในการวางแผนทางการเงิน

หากคิดแต่ว่ายังไม่พร้อม การเงินก็ยิ่งแย่ลงได้เช่นกัน ดังนั้นหากทำการวางแผนทางการเงินเร็วแค่ไหน ก็ยิ่งสร้างประโยชน์ต่อทางการเงินของเราได้มากแค่นั้น

4. มีหนี้และภาระเยอะ

ยิ่งมีหนี้และภาระเยอะมากแค่ไหน ยิ่งต้องวางแผนทางการเงินให้เร็วที่สุด เนื่องจากการวางแผนทางการเงิน สามารถช่วยบริหารและจัดการปัญหาในการใช้จ่ายได้ดีไม่น้อย และเป็นประโยชน์ได้ในอนาคต และอาจเคลียร์หนี้สินได้เช่นกัน หากวางแผนทางการเงินได้ดี

หวังว่าบทความนี้ จะช่วยเป็นแนวทางในการแก้ไขความเข้าใจผิด และมั่นใจในการลงทุน รวมถึงมั่นใจในการวางแผนทางการเงิน เพื่อผลตอบแทนที่ดี และลดปัญหารวมถึงความเสี่ยงต่าง ๆ ในอนาคตได้อีกด้วย

อยากเป็นเจ้าของธุรกิจต้องรู้ ประเภทของการจดทะเบียนธุรกิจมีอะไรบ้าง

ทุกวันนี้ไม่ว่าใครก็ใฝ่ฝันอยากที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจของตนเองกันทั้งนั้น หากเรามีแผนที่จะขายสินค้าหรือบริการบางอย่างก็ควรจะมีการจดทะเบียนธุรกิจ เพื่อให้การดำเนินการต่างๆ ของเราเป็นไปในนามของบริษัทหรือทะเบียนพาณิชย์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการบริหารจัดการธุรกิจ ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น ทำให้ธุรกิจของเราสามารถเติบโตได้ดียิ่งขึ้น แต่ก่อนที่เราจะจดทะเบียนธุรกิจ เราควรมารู้จักกับประเภทของการจดทะเบียนธุรกิจก่อน มีอะไรบ้าง มาดูกันเลย

ประเภทการจดทะเบียนธุรกิจ

การจดทะเบียนธุรกิจสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท นั่นคือ 1. การจดทะเบียนพาณิชย์ สำหรับบุคคลธรรมดา และ 2. การจดทะเบียนบริษัท สำหรับนิติบุคคล แต่ละประเภทจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ดังนี้

1. การจดทะเบียนพาณิชย์ สำหรับบุคคลธรรมดา

การจดทะเบียนพาณิชย์เป็นการจดทะเบียนที่เหมาะกับบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ที่เป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งอาจเป็นการประกอบอาชีพ เช่น การขายสินค้าทั่วไปโดยมีหน้าร้านเป็นของตัวเอง การขายของออนไลน์ ตัวแทนขายสินค้า/บริการผ่านเว็บไซต์ ขายของผ่านแพลตฟอร์มบน Social Media เป็นต้น

2. การจดทะเบียนบริษัท สำหรับนิติบุคคล

การจดทะเบียนบริษัทเหมาะกับธุรกิจหลายระดับที่มีเจ้าของหรือผู้ลงทุนตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป หากต้องการให้ธุรกิจสามารถแข่งขันในตลาดได้ก็ควรมีการจดทะเบียนบริษัท การจดทะเบียนประเภทนี้จะทำให้บริษัทมีสถานะเป็นนิติบุคคล ซึ่งจะมีภาระการจัดการที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจ เช่น การจัดทำบัญชี การเสียภาษี และยื่นประกันสังคม การจดทะเบียนบริษัทยังสามารถแย่งออกได้เป็น 3 แบบ คือ

  • ห้างหุ้นส่วนสามัญ

ห้างหุ้นส่วนสามัญเป็นการทำธุรกิจที่แบบมีผู้ถือหุ้นตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ซึ่งหุ้นส่วนแต่ละคนสามารถเข้ามามีบทบาทในการจัดการกับธุรกิจและแบ่งปันผลกำไรได้ ถือว่ามีภาระหน้าที่ร่วมกันทั้งในส่วนของผลกำไรและหนี้สินของกิจการ หากไม่ได้จดทะเบียนบริษัทจะนับเป็นบุคคลธรรมดา แต่ถ้าจดทะเบียนแล้วจะมีสภาพเป็นนิติบุคคล

  • ห้างหุ้นส่วนจำกัด

ห้างหุ้นส่วนจำกัดจะมีความแตกต่างจากห้างหุ้นส่วนสามัญ คือ การแบ่งภาระความรับผิดชอบของหุ้นส่วนจะมีการกำหนดข้อจำกัด และไม่จำกัด เกี่ยวกับหนี้สินของกิจการไว้ด้วย หุ้นส่วนแต่ละคนจะรับผิดชอบหนี้สินไม่เกินจำนวนเงินลงทุนของตนเอง

  • บริษัทจำกัด

บริษัทจำกัดเป็นธุรกิจที่ต้องมีผู้ถือหุ้นตั้งแต่ 3 ขึ้นไป และจดทะเบียนนิติบุคคลให้เรียบร้อย ทุกคนมีภาระการรับผิดชอบหนี้สินแบบ จำกัด การจดทะเบียนบริษัทจะช่วยให้ธุรกิจมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้ก้าวหน้าได้ดีมากกว่าการทำธุรกิจแบบบุคคลธรรมดา

การจดทะเบียนบริษัทอาจมีขั้นตอนที่ค่อนข้างยุ่งยาก และเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องเยอะ แต่อย่างไรก็ตาม การจดทะเบียนธุรกิจย่อมมีข้อดีกว่าไม่จดเลย เพราะถ้าเราอยากให้ธุรกิจเติบโต เป็นที่รู้จัก และได้รับการยอมรับในวงกว้าง การจดทะเบียนธุรกิจนี่แหละเป็นทางเลือกที่ดีและคุ้มค่าที่สุดแล้ว

ทำไมธุรกิจต้องปรับมาใช้โปรแกรมบัญชีแบบออนไลน์

เนื่องจากธุรกิจบัญชี เริ่มเติบโตมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และด้วยเมื่อก่อนการทำบัญชีด้วยระบบมือ ค่อนข้างใช้เวลานาน ล่าช้า และมีโอกาสผิดพลาดได้ง่าย 

โปรแกรมบัญชีออนไลน์ จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้งานในด้านธุรกิจบัญชีโดยเฉพาะ ทำให้นักบัญชีสามารถจัดการการทำบัญชีได้ง่ายมากขึ้น มีความแม่นยำในการทำบัญชีมากขึ้น ช่วยให้สามารถส่งออกรายได้ ค่าใช้จ่าย และรักษาข้อมูลบัญชี รวมทั้งสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ ทำงานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้หลายประเภท เช่น เครื่อง pc โน้ตบุ๊ค แล็บท็อป และสมาร์ทโฟน ไม่ต้องพกสมุดบัญชีเล่มใหญ่ให้เหนื่อยอีกต่อไป

โปรแกรมบัญชีออนไลน์คืออะไร

เป็นโปรแกรมที่ช่วยจัดการบันทึกข้อมูลบัญชีออนไลน์ได้ครบวงจร ควบคุมค่าใช้จ่าย ทำรายรับรายได้ เช็คคลังสินค้า ภาษี และยอดค้างชำระที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดทำบัญชีต่าง ๆ ของธุรกิจ ประหยัดกำลังคน และกำลังทรัพย์ของธุรกิจได้อีกด้วย ตอบโจทย์นักธุรกิจยุคใหม่เป็นอย่างมาก ทำให้สามารถมองเห็นภาพรวมของกิจการ และสามารถนำข้อมูลนั้น ๆ มาวิเคราะห์และบริหารของงานแต่ละส่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำที่สุด

ทำไมต้องใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์

  • โปรแกรมใช้งานง่ายและสะดวกต่อการคีย์ข้อมูล
  • มีความปลอดภัยและแม่นยำสูง
  • ทำงานแบบเรียลไทม์ ใช้งานได้หลายคนในฐานข้อมูลเดียวกัน
  • ค้นหาและตรวจสอบข้อมูลบัญชีได้รวดเร็ว
  • เข้าถึงข้อมูลบัญชีได้ทุกที่ทุกเวลา
  • เจ้าของกิจการสามารถระบุหน้าที่ของผู้ใช้งานฐานข้อมูลได้ เพื่อเป็นการจำกัดสิทธิ์เข้าถึง
  • มีฟังก์ชันการใช้งานด้านบัญชีให้เลือกหลากหลาย ไม่ซับซ้อน
  • ลดต้นทุนในการใช้บุคคากรจำนวนมาก
  • วิเคราะห์ภาพรวมของกิจการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โปรแกรมบัญชี AccCloud ช่วยอะไร

โปรแกรมบัญชี AccCloud คือ โปรแกรมบัญชีออนไลน์ที่พัฒนาขึ้นมา เพื่อช่วยให้ธุรกิจออนไลน์สามารถจัดระเบียบธุรกิจบัญชีได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว ซึ่งโปรแกรมบัญชี AccCloud เหมาะสำหรับธุรกิจระดับกลางจนถึงระดับใหญ่ และโปรแกรมบัญชี AccCloud สามารถเชื่อมต่อช่องทางการขายกับ Lazada และ Shopee ได้ โดยยอดขายจะ Link โดยตรงไปบันโปรแกรม Accloud ได้ในทันที  เหมาะมากสำหรับผู้ที่เริ่มต้นเป็นนักธุรกิจ แต่ยังจัดการบัญชีไม่คล่อง โปรแกรมบัญชี AccCloud จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกให้นักธุรกิจได้ลองใช้งาน

โปรแกรมบัญชี AccCloud เหมาะสำหรับธุรกิจอะไรบ้าง

  • ธุรกิจการผลิต
  • ธุรกิจซื้อขาย สต็อกสินค้า 
  • ธุรกิจบริการ
  • ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
  • ธุรกิจรับจ้างซ่อม
  • ธุรกิจนำเข้า-ส่งออก

AccCloud มีระบบอะไรบ้าง

  • ระบบติดตามงานช่าง
  • ระบบติดตามพนักงานขาย
  • ระบบบริหารการผลิต
  • ระบบโปรแกรมบัญชี
  • ระบบเชื่อมต่อ Lazada, Shopee
  • เชื่อมต่อ SalePage
  • ระบบเงินเดือนและลงเวลาทำงาน
  • ระบบขายหน้าร้าน (POS)
  • ระบบงานบัญชี
  • ระบบงานการเงิน
  • ระบบคลังสินค้า

ข้อดีของการใช้โปรแกรมบัญชี AccCloud

  • ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้
  • เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างสาขา
  • รองรับกับธุรกิจด้านงานบริการ
  • ตอบโจทย์ธุรกิจด้วย User-Oriented
  • แยกประเภทบัญชีอัตโนมัติ
  • พัฒนาระบบอัพเดทได้ตลอดเวลา
  • รองรับการใช้งานบาร์โค้ดผ่านมือถือ

ดังนั้น การเริ่มต้นใช้โปรแกรมบัญชี ต้องเลือกจากโปรแกรมที่มีความน่าเชื่อถือ และไว้วางใจได้ว่าข้อมูลธุรกิจจะไม่หลุดออกไป และมีความปลอดภัยในการปกป้องข้อมูลบัญชีธุรกิจ ต้องได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น โปรแกรมบัญชี AccCloud จึงขอเป็นตัวเลือกให้ผู้เริ่มต้นธุรกิจได้ลองใช้งานกัน

โปรแกรมบัญชี

ข้อดีของการวางแผนทางการเงินก่อนการลงทุน เพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า

การวางแผนเป็นหนึ่งในคุณลักษณะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของตัวเราเองเลยก็ว่าได้  เมื่อพูดถึงเรื่องเงิน การวางแผนต้องเป็นรูปธรรม เนื่องจากมีตัวแปรเพียงพอที่อาจส่งผลต่อการวางแผนทางการเงินของคุณ เพื่ออนาคตที่ดีมากขึ้น เราต้องเริ่มการวางแผนตั้งแต่วันนี้เลย แม้ว่าหลายคนจะเข้าใจถึงความสำคัญของการวางแผนทางการเงิน แต่มันเป็นเรื่องที่ดีกับตัวเราในอนาคตมากจริงๆนะ จะมีข้อดีแบบไหนบ้างมาดูกัน

ข้อดีของการวางแผนทางการเงินก่อนการลงทุน

1. บรรลุเป้าหมายทางการเงิน

ทุกคนมีเป้าหมายทางการใช้เงิน ยกตัวอย่างการเก็บเงินเพอเที่ยวรอบโรค สร้างบ้าน ปลดหนี้ หรืออื่นๆ การมีเป้าหมายในการเก็บเงินจะช่วยให้เราสามารภวางแผนได้ง่ายมากขึ้น แต่ถ้าเรายังไม่รู้ว่าจะเก็บเงินไปเพื่ออะไร การวางแผนจะยากมาก เพราะเราไม่มีเป้าหมาย ทำให้การวางแผนไม่แม่นยำซะเท่าไหร่

แผนทางการเงินเป็นตัวกำหนดจำนวนเงินที่คุณต้องออม หรือเก็บไว้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ลองกำหนดจำนวนเงินที่ต้องใช่ พร้อมอายุของเราว่าจะต้องบรรลุเป้าหมายตอนไหนดู แค่นี้ก็สามารถ วางแผนการเงินได้ง่ายๆแล้ว

2. การเตรียมพร้อมรับเหตุฉุกเฉิน

อุบัติเหตุ การสูญเสียทางธุรกิจ หรือความเจ็บป่วยเป็นเรื่องที่เราเองก็ไม่สามารถคาดเดาได้ เป็นอีกหนึ่งในเหตุการณ์ของชีวิตที่ใครก็ไม่อยากเจอ เราควรให้ความสำคัญกับส่วนรี้ด้วยเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม หากไม่มีสถานะทางการเงินที่มั่นคง ค่าใช้จ่ายที่เข้ารับการรักษาตัวเป็นเรื่องที่ยากมาก สำหรับพนังานที่จะจ่ายเงินรวดเดียวหมด

เพราะฉะนั้นแล้วต้องรู้จักการทำเงินประกันแบบระยะยาว ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นจะได้เบาใจในระดับหนึ่ง

โปรแกรมบัญชี

3. ความมั่นคงทางการเงิน

 ความมั่นคงทางการเงินเป็นเป้าหมายของทุกคนในโลกต้องการมากที่สุด ไม่ว่าจะตอนไหนก็ตาม เจ้าของธุรกิจหรือผู้ประกอบอาชีพอิสระส่วนใหญ่แล้ว ไม่มีความมั่นคงทางการเงินจากเงินเดือนรายเดือน น รายได้ต่อเดือนขึ้นอยู่กับรายได้ธุรกิจในแต่ลละเดือนแทน ทำห้ครอบครัวเป็นกลุ่มที่ไม่มีความมั่นคงทางการเงิน

แต่ว่า ถ้าเรารู้จักวางแปนการเงิน ก็จะสามารถช่วยให้เราสามารถมีความมั่นคงทางการเงินของครอบครัวได้ ด้วยแผนทางการเงินที่ดีเราสามารถประหยัดเงินได้มากพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายรายเดือน แผนทางการเงินสามารถช่วยจัดการเงินของในด้านของธุรกิจให้สามารถมียอดขายเพิ่มขึ้นได้ จากการคำนวณจำนวนเงินที่ปลอดภัยในการลงทุน แยกเงินสำหรับครอบครัวและกำไรออกมาได้ชัดเจนมากขึ้น

4. ความเป็นอิสระทางการเงิน

กระปุกออมสินสอนให้เด็กรู้จักการเก็บเงินไว้ใช่ในเวลาที่จำเป็น อาจเก็บไว้เพื่อซื้อของที่อยากได้ หรือขนม แต่ ในฐานะผู้ใหญ่ทางออกในการอยากได้ของคือการกู้เงิน การทำแบบนี้อาจพ่วงมาด้วยดอกเบี้ยมากมาย ทำให้เราไม่สามารถเก็บเงินไล่ตามความฝันอย่างอื่นได้ทัน

การวางแผนการเงินที่ดี ช่วยให้เราสามารถซื้อสิ่งของที่อยากได้ โดยที่ไม่ต้องกู้ให้เสียดอก เงินส่วนที่ต้องเสียดอกก็สามารถนำมาทำอย่างอื่นได้อีกตั้งเยอะ ทำให้เรามีอิสระทางการเงินมากยิ่งขึ้นนั้นเอง

Education Template

Scroll to Top