โปรแกรมบัญชี

โปรแกรมบัญชี AccCloud ERP

ทำไมธุรกิจต้องปรับมาใช้โปรแกรมบัญชีแบบออนไลน์

เนื่องจากธุรกิจบัญชี เริ่มเติบโตมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และด้วยเมื่อก่อนการทำบัญชีด้วยระบบมือ ค่อนข้างใช้เวลานาน ล่าช้า และมีโอกาสผิดพลาดได้ง่าย 

โปรแกรมบัญชีออนไลน์ จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้งานในด้านธุรกิจบัญชีโดยเฉพาะ ทำให้นักบัญชีสามารถจัดการการทำบัญชีได้ง่ายมากขึ้น มีความแม่นยำในการทำบัญชีมากขึ้น ช่วยให้สามารถส่งออกรายได้ ค่าใช้จ่าย และรักษาข้อมูลบัญชี รวมทั้งสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ ทำงานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้หลายประเภท เช่น เครื่อง pc โน้ตบุ๊ค แล็บท็อป และสมาร์ทโฟน ไม่ต้องพกสมุดบัญชีเล่มใหญ่ให้เหนื่อยอีกต่อไป

โปรแกรมบัญชีออนไลน์คืออะไร

เป็นโปรแกรมที่ช่วยจัดการบันทึกข้อมูลบัญชีออนไลน์ได้ครบวงจร ควบคุมค่าใช้จ่าย ทำรายรับรายได้ เช็คคลังสินค้า ภาษี และยอดค้างชำระที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดทำบัญชีต่าง ๆ ของธุรกิจ ประหยัดกำลังคน และกำลังทรัพย์ของธุรกิจได้อีกด้วย ตอบโจทย์นักธุรกิจยุคใหม่เป็นอย่างมาก ทำให้สามารถมองเห็นภาพรวมของกิจการ และสามารถนำข้อมูลนั้น ๆ มาวิเคราะห์และบริหารของงานแต่ละส่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำที่สุด

ทำไมต้องใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์

  • โปรแกรมใช้งานง่ายและสะดวกต่อการคีย์ข้อมูล
  • มีความปลอดภัยและแม่นยำสูง
  • ทำงานแบบเรียลไทม์ ใช้งานได้หลายคนในฐานข้อมูลเดียวกัน
  • ค้นหาและตรวจสอบข้อมูลบัญชีได้รวดเร็ว
  • เข้าถึงข้อมูลบัญชีได้ทุกที่ทุกเวลา
  • เจ้าของกิจการสามารถระบุหน้าที่ของผู้ใช้งานฐานข้อมูลได้ เพื่อเป็นการจำกัดสิทธิ์เข้าถึง
  • มีฟังก์ชันการใช้งานด้านบัญชีให้เลือกหลากหลาย ไม่ซับซ้อน
  • ลดต้นทุนในการใช้บุคคากรจำนวนมาก
  • วิเคราะห์ภาพรวมของกิจการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โปรแกรมบัญชี AccCloud ช่วยอะไร

โปรแกรมบัญชี AccCloud คือ โปรแกรมบัญชีออนไลน์ที่พัฒนาขึ้นมา เพื่อช่วยให้ธุรกิจออนไลน์สามารถจัดระเบียบธุรกิจบัญชีได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว ซึ่งโปรแกรมบัญชี AccCloud เหมาะสำหรับธุรกิจระดับกลางจนถึงระดับใหญ่ และโปรแกรมบัญชี AccCloud สามารถเชื่อมต่อช่องทางการขายกับ Lazada และ Shopee ได้ โดยยอดขายจะ Link โดยตรงไปบันโปรแกรม Accloud ได้ในทันที  เหมาะมากสำหรับผู้ที่เริ่มต้นเป็นนักธุรกิจ แต่ยังจัดการบัญชีไม่คล่อง โปรแกรมบัญชี AccCloud จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกให้นักธุรกิจได้ลองใช้งาน

โปรแกรมบัญชี AccCloud เหมาะสำหรับธุรกิจอะไรบ้าง

  • ธุรกิจการผลิต
  • ธุรกิจซื้อขาย สต็อกสินค้า 
  • ธุรกิจบริการ
  • ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
  • ธุรกิจรับจ้างซ่อม
  • ธุรกิจนำเข้า-ส่งออก

AccCloud มีระบบอะไรบ้าง

  • ระบบติดตามงานช่าง
  • ระบบติดตามพนักงานขาย
  • ระบบบริหารการผลิต
  • ระบบโปรแกรมบัญชี
  • ระบบเชื่อมต่อ Lazada, Shopee
  • เชื่อมต่อ SalePage
  • ระบบเงินเดือนและลงเวลาทำงาน
  • ระบบขายหน้าร้าน (POS)
  • ระบบงานบัญชี
  • ระบบงานการเงิน
  • ระบบคลังสินค้า

ข้อดีของการใช้โปรแกรมบัญชี AccCloud

  • ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้
  • เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างสาขา
  • รองรับกับธุรกิจด้านงานบริการ
  • ตอบโจทย์ธุรกิจด้วย User-Oriented
  • แยกประเภทบัญชีอัตโนมัติ
  • พัฒนาระบบอัพเดทได้ตลอดเวลา
  • รองรับการใช้งานบาร์โค้ดผ่านมือถือ

ดังนั้น การเริ่มต้นใช้โปรแกรมบัญชี ต้องเลือกจากโปรแกรมที่มีความน่าเชื่อถือ และไว้วางใจได้ว่าข้อมูลธุรกิจจะไม่หลุดออกไป และมีความปลอดภัยในการปกป้องข้อมูลบัญชีธุรกิจ ต้องได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น โปรแกรมบัญชี AccCloud จึงขอเป็นตัวเลือกให้ผู้เริ่มต้นธุรกิจได้ลองใช้งานกัน

โปรแกรมบัญชี
ทักษะสำคัญทางบัญชีที่ผู้ประกอบการทุกคนไม่ควรพลาด

ทักษะสำคัญทางบัญชีที่ผู้ประกอบการทุกคนไม่ควรพลาด

การดูแลธุรกิจให้เติบโตและก้าวหน้าอย่างมั่นคงนั้น ถือเป็นเป้าหมายหนึ่งที่ผู้ประกอบการทุกคนล้วนมุ่งมั่นที่จะทำให้ถึงจุดนั้น แต่ด้วยการแข่งขันที่สูงมากขึ้นในแต่ละวัน หากบริษัทไม่มีการปรับตัวให้เหมาะสมก็อาจจะทำให้เสียโอกาสในการทำงาน ไม่อาจก้าวตามโลกได้ทันก็เป็นได้ หากเราอยากให้ธุรกิจของเราดำเนินงานได้อย่างมรประสิทธิภาพแล้ว เราควรให้ความสำคัญกับการทำบัญชีให้มากๆ และหมั่นฝึกฝนทักษะที่จำเป็นต่อการบัญชี เพื่อให้องค์กรของเรามีทักษะที่เข้มแข็งมากพอที่จะบริหารธุรกิจต่อไปได้ ทักษะทางบัญชีที่สำคัญ มีดังนี้

 

1.มีทักษะด้านการทำงานบัญชีแต่ละระบบเป็นอย่างดี เช่น ระบบซื้อ-ขาย การจัดการคลัง

 

การทำงานด้านบัญชีนั้นจะมีอยู่หลายส่วน แต่ละส่วนทำงานแยกกันเป็นระบบ เพื่อให้บริษัทหรือองค์กรบรรลุเป้าหมายได้อย่างไร้อุปสรรคปัญหา ทักษะแต่ละด้านในการบัญชีจึงสำคัญมาก ทั้งการดูแลระบบซื้อ ระบบขาย ระบบสินค้าคงคลัง ระบบการผลิต ระบบบัญชี ระบบภาษี หากขาดทักษะในระบบใดระบบหนึ่งไปก็อาจทำให้ไม่สามารถทำงานด้านบัญชีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ผู้ประกอบการทุกคนจึงควรศึกษาให้เข้าใจงานบัญชีอย่างรอบด้าน เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็วขึ้น

 

2.มีทักษะด้านกระบวนการทำบัญชี การบันทึก ลงข้อมูลบัญชี

 

หากเราต้องการทำธุรกิจให้ก้าวหน้าและมีผลกำไร การบันทึกข้อมูลบัญชีอย่างถูกต้องนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ข้อมูลตัวเลขค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งต้นทุน ค่าดำเนินงาน รายได้ ผลกำไร ผลตอบแทนธุรกิจ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราเห็นผลลัพธ์ของการทำธุรกิจได้ชัดเจนขึ้น สะดวกต่อการวางแผนงานต่างๆ ในอนาคต

 

3.มีทักษะในการวิเคราะห์และบริหารค่าใช้จ่ายอย่างเหมาะสม

 

เมื่อเรามีการทำบัญชีแล้ว ข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ในบัญชีจะเป็นแนวทางที่ช่วยให้เราบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ผู้ทำธุรกิจทุกคนก็ควรมีทักษะความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นอย่างดีด้วย จึงจะช่วยให้นำข้อมูลทางบัญชีไปใช้ได้อย่างเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ยิ่งมีทักษะการวิเคราะห์และการบริหารค่าใช้จ่ายมากเท่าไร โอกาสที่ธุรกิจจะเจริญเติบโตไปได้ไกลก็มีมากเท่านั้น

 

4.มีทักษะด้านกฎหมายที่เกี่ยวกับการทำบัญชี

 

ความรู้ด้านกฎหมายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในการทำธุรกิจ ยิ่งเป็นการทำบัญชีด้วยแล้ว หากลงข้อมูลผิดพลาดก็อาจเป็นผลเสียต่อบริษัทหรือองค์กรของเราอย่างไม่ตั้งใจขึ้นมาได้ นักบัญชีที่ดีต้องมีความรู้เกี่ยวกับกฎหมายด้านบัญชีบ้าง เพื่อให้สามารถจัดการการทำบัญชีได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย กรณีที่มีการทำรายงานการจัดซื้อ การขาย การจ่ายภาษี นักบัญชีที่มีทักษะนี้ก็จะสามารถทำงานได้อย่างไม่มีปัญหา

 

5.มีทักษะในการบริหารจัดการและประสานงานที่ข้องเกี่ยวกับการทำบัญชี

 

การทำบัญชีเป็นงานที่ต้องเกี่ยวข้องกับการทำงานหลายด้าน หากขาดทักษะการบริหารหรือการประสานงานแล้ว การจะดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพก็จะเป็นไปได้ยาก ดังนั้น ผู้ประกอบการทุกคนจึงควรมีทักษะในด้านนี้ให้มากๆ เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพสูงสุด

ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับงานบัญชีเป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้ธุรกิจของเราบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาการขาดทุน ป้องกันการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า ช่วยให้การดำเนินงานมีความงเหมาะสมมากขึ้น ช่วยให้การดูแลด้านการซื้อ-ขาย การจัดการคลัง การจ่ายภาษี มีการดำเนินงานที่ดี ถูกต้องตามหมาย ช่วยลดปัญหาความขัดแย้งในองค์กร เมื่อเรามีทักษะเหล่านี้ครบถ้วนแล้ว ธุรกิจของเราก็จะเจริญเติบโตและก้าวหน้าอย่างมั่นคงได้เป็นอย่างดีนั่นเอง

โปรแกรมบัญชี
การทำบัญชีชุดเดียว

การทำบัญชีชุดเดียวคืออะไร มีข้อดียังไงบ้าง­­

ธุรกิจและการทำบัญชีนับว่าเป็นของคู่กันที่ขาดกันไม่ได้ เมื่อเราเริ่มต้นบริษัทหรือองค์กรอะไรสักอย่างขึ้นมา เราก็จะต้องมีเงินทุนตั้งต้น เงินในการดำเนินงาน และมีค่าใช้จ่ายอีกมากมายหลายอย่าง ซึ่งกว่าที่เราจะบรรลุเป้าหมายของธุรกิจของเราได้นั้น หากไม่มีการบริหารจัดการทางการเงินที่ดีพอก็อาจจะทำให้เกิดผลเสียขึ้น ยอดเงินที่ลงทุนลงแรงไปก็อาจจะเสียเปล่า ขาดทุน ไม่มีผลกำไรกลับคืนมา วิธีป้องกันปัญหาก็คือการทำบัญชี ซึ่งจะช่วยให้เราเห็นถึงข้อมูลตัวเลขและความเป็นไปในธุรกิจได้อย่างชัดเจน ยิ่งถ้าต้องการดูผลลัพธ์ของธุรกิจแบบสรุปทุกข้อมูลเอาไว้ เราก็ควรจัดเก็บข้อมูลแบบบัญชีชุดเดียว


มารู้จักกับบัญชีชุดเดียว


บัญชีชุดเดียว คือ การจัดทำบัญชีโดยรวบรวมข้อมูลการทำบัญชีต่างๆ เช่น ข้อมูลรายรับ รายจ่าย และเอกสารทางการเงิน มารวมเข้าไว้ในบัญชีเดียว มีการจัดลงข้อมูลเอกสารการลงบัญชีอย่างชัดเจน ไม่มีการหลบเลี่ยงหรือแยกบัญชีเพื่อหนีภาษี ข้อมูลบัญชีชุดเดียวจะมีความครบถ้วน สมบูรณ์ สามารถนำไปยื่นเสียภาษีอากรได้ถูกต้องตามกฎหมาย


ข้อดีของบัญชีชุดเดียว


1. ตรวจสอบบัญชีง่าย สามารถเช็คข้อมูลกำไร-ขาดทุนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว


เป้าหมายหลักของการทำบัญชี คือ การเก็บข้อมูลการเงินเพื่อให้บริหารจัดการงานด้านการเงินของบริษัทได้อย่างเหมาะสม ซึ่งบัญชีจะมีการลงข้อมูลค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งรายรับ รายจ่าย ต้นทุน ผลกำไร ยอดขาย ผลลัพธ์ของการลทุน พร้อมสรุปผลให้เห็นเป็นตัวเลขอย่างชัดเจน เมื่อเรารู้ข้อมูลเหล่านี้อย่างละเอียดก็จะบริหารงานได้ง่าย สามารถเช็คข้อมูลความถูกต้องของบัญชีได้ตลอดเวลา


2. ช่วยให้ประเมินผล และวางแผนการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ


การทำบัญชีนั้นจะช่วยให้เราเห็นผลชัดเจนว่าธุรกิจของเรามีผลกำไรมาน้อยเพียงใด แผนการดำเนินงานของบริษัทหรือองค์กรควรจะปรับเปลี่ยนไปในทิศทางไหนบ้าง เมื่อเรารู้ตัวเลขต้นทุน ค่าใช้จ่าย เราก็จะรู้ว่าควรมีการปรับแผนให้เหมาะสมมากขึ้นอย่างไรบ้าง ซึ่งจะช่วยให้การทำงานของบริษัทมีประสิทธิภาพมากขึ้น


3. สร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัท สามารถกู้สินเชื่อได้ตามจริง


บริษัทหรือองค์กรที่มีการทำบัญชีชุดเดียวจะมีความน่าเชื่อถือกว่าการทำบัญชีทั่วไป เพราะบัญชีเดียวมีข้อมูลรายละเอียดครบถ้วน เมื่อต้องการยื่นกู้สินเชื่อก็มีความน่าเชื่อถือ จึงมีโอกาสมากที่ธนาคารจะอนุมัติการกู้ให้กับเรา ต่างจากบัญชีที่มีการตกแต่งบัญชีอย่างผิดปกติ บัญชีเหล่านี้ที่สุ่มเสี่ยงต่อการโดนตรวจสอบและอาจติดแบล็คลิสต์จากธนาคาร


4. วางแผนภาษีได้ง่าย คิดภาษีธุรกิจโดยตรงได้แบบไม่เกิดปัญหา


บัญชีชุดเดียวเป็นการรวบรวมข้อมูลของการทำบัญชีของบริษัททั้งหมดไว้ในที่เดียว เมื่อเราจำเป็นจะต้องคำนวณค่าใช้จ่ายของภาษีก็สามารถนำข้อมูลตรงนี้ไปคิดได้ทันที ไม่ต้องปวดหัวกับการรวมตัวเลขที่ซับซ้อนอีกต่อไป ช่วยให้สามารถจัดการกับภาษี ณ ที่จ่าย ภาษีธุรกิจ และวางแผนค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว


5. ไม่ถูกตรวจสอบบัญชีย้อนหลัง


เมื่อคุณจัดทำบัญชีชุดเดียวแล้ว ข้อมูลทางบัญชีนั้นถือเป็นข้อมูลที่มีความละเอียด ครบถ้วน และชัดเจน สามารถตรวจสอบได้ง่าย จ่ายภาษีได้อย่างถูกต้อง ไม่ขัดต่อข้อกฎหมาย ภาครัฐจึงมีมาตรการยกเว้นการตรวจสอบบัญชีย้อนหลังให้แก่บริษัทหรือองค์กรที่มีการจัดทำบัญชีชุดเดียว คุณจึงไม่ต้องกังวลกับปัญหาภาษีย้อนหลังเลย
การทำบัญชีชุดเดียวถือเป็นวิธีการหนึ่งที่ทุกธุรกิจควรนำไปปรับใช้ เพราะช่วยให้ธุรกิจและองค์กรของคุณสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจได้ง่ายขึ้น สามารถคำนวณเงินต้นทุน เงินลงทุน ยอดผลกำไร ขาดทุน ยอดโบนัส ผลประกอบการต่างๆ รวมถึงบริหารข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการบัญชีได้อย่างเป็นระบบ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดความซ้ำซ้อนจากงานต่างๆ เพิ่มโอกาสให้ธุรกิจก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว

3 คุณสมบัติสำคัญที่จำเป็นต่อโปรแกรมบัญชีในยุคดิจิทัล

3 คุณสมบัติสำคัญที่จำเป็นต่อโปรแกรมบัญชีในยุคดิจิทัล

โปรแกรมบัญชี หรือ ระบบซอฟต์แวร์ที่เก็บข้อมูลหรือค้นหาแบบข้อมูลที่สำคัญแบบเรียลไทม์ ที่หลายองค์กรมักนำมาใช้ในปัจจุบัน และข้อดีอื่นๆของโปรแกรมบัญชีก็คือ ช่วยลดขยะที่เป็ฯข้อมูลสำคัญในองค์กร ลดการผิดพลาดในการทำงาน รวมไปถึงสามารถตรวจอบข้อมูลย้อนหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังตอบโจทย์ทั้งธุรกิจขนาดเล็ฏ ขนาดกลาง ไปจนถึงขนาดใหญ่ และในปัจจุบันที่เป็นยุคดิจิทัล หลายๆองค์กรก็มองหาโปรแกรมบัญชี แต่ก่อนที่เราจะขยับขยายในด้านเทคโนโลยี เราจึงจำเป็นต้องมี 3 คุณสมบัติสำคัญ ที่จำเป็นต่อโปรแกรมบัญชีในยุคดิจิทัล ไปดูกันว่าจะมีอะไรบ้าง


1.องค์กรและบุคลากรมีความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง

 

ยุคดิจิทัลหรือยุคออนไลน์ แน่นอนอยู่แล้ว่าองค์กรของคุณ จะต้องมีการใช้การเก็บข้อมูลแบบเก่ามาสักระยะหนึ่ง เพราะฉะนั้นการปรับตัวให้พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงนี้ เป็นคุณสมบัติข้อที่สำคัญมาก เพราะหากไม่มีความพร้อม โปรแกรมบัญชีก็เป็นเพียงซอฟแวร์ที่เพิ่มความยุ่งยากให้กับคุณเท่านั้น โปรแกรมบัญชีในยุคดิจิทัล เป็นแบบระบบเป็นออนไลน์ เพือให้เหมาะกับการใช้งานในุคดิจิทัล เพื่อเข้ามาช่วยธุรกิจขององค์กรนั้นๆ และยังสามารถทำงานได้ตลอดเวลา เพียงมีอินเตอร์เน็ต ก็สามรถทำงานได้จากทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือหรือแล็ปท็อป ผู้บริหารหรือบุคลากรผู้มีความเกี่ยวข้อง สามารถดูข้อมูลได้อย่างเรียลไทม์ และทำงานได้อย่างทันถ่วงที เพราะฉะนั้นการมีความพร้อมจึงจำเป็นอย่างมากจริงๆ ต่อการเปลี่ยนแปลงเช้าสู่ยุคดิจิทัลที่แท้จริง

 

2.พร้อมรับกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในการใช้โปรแกรมบัญชี

 

เรื่องนี้ก็เป็นคุณสมบัติที่สำคัญอย่างมากในองค์กรเช่นกัน และจะเชื่อมโยงไปถึงขนาดขององค์กรที่ต้องใช้โปรแกรมบัญชี เพราะในบางครั้งบริษัทนาดเล็กที่ยังไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่าย ต่อการนำโปรแกรมบัญชีมาใช้ ก็ควรจะมีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน แต่หากองค์กรขนาดเล็กแต่มีงบประมาณ ก็สามารถพิจารณาการใช้โปรแกรมบัญชีได้เช่นกัน โปรแกรมบัญชีออนไลน์ในยุคดิจิทัล จะมีค่าบริการแรกเข้า ค่าบริการรายเดือนในการดูแล ทั้งนี้ราคาหรือส่วนลด ก็ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการที่คุณเลือกใช้โปรแกรมบัญชี เพราะฉะนั้นแล้วการวางแผนงบประมาณที่จะต้องใช้สำหรับการใช้โปรแกรมบัญชี จึงเป็นคุณสมบัติที่สำคัญเช่นกัน

 

3.เตรียมข้อมูลสำคัญแผนกบัญชีขององค์กรให้พร้อม

 

ข้อสุดท้ายของคุณสมบัติสำคัญที่จำเป็นต่อการใช้โปรแกรมบัญชีในยุคดิจิทัล ข้อนี้มีความสำคัญอย่างมากเช่กัน ข้อมูลที่สำคัญด้านบัญชีในองค์กร เป็นสิ่งที่ต้องเตรียมให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลสินค้า ข้อมูลรายรับ-รายจ่าย , ข้อมูลลูกหนี้-เจ้าหนี้ , ข้อมูลคู่ค้า , ข้อมูลกำไร , ข้อมูลสถิติ และข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวกับด้านบัญชีที่องค์กรคุณมี ข้อมูลเหล่านี้คุณควรจะต้องตรวจสอบให้ถี่ถ้วนและครบถ้วน เพราะจะเป็นข้อมูลสำคัญที่ต้องอัปโหลดเข้าไปยังโปรแกรมบัญชีออนไลน์ จึงจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบให้ดีง่าไม่มีอะไรตกหล่นหรือผิดพลาด หากข้อมูลมีความพร้อม จะทำให้การใช้งานโปรแกรมบัญชีง่ายขึ้นอย่างมาก

การใช้โปรแกรมบัญชีในยุคดิจิทัล เป็นการลดขั้นตอนของการดำเนินงานในเรื่องต่างๆ ประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น อีกทั้งยังช่วยลดขยะอีกด้วย องค์กรของคุณจะได้รับข้อมูลของตัวเลขที่ถูกต้อง สรุปค่าใช้ กำไรสุทธิได้อย่างแม่นยำ ทำให้คุณได้ห็นภาพรวมขององค์กร อีกทั้งเรื่องภาษีที่คุณมองว่ายุ่งยาก ก็จะเป็นเรื่องง่ายเมื่อคุณเลือกใช้โปรแกรมบัญชี 3 คุณสมบัติง่ายๆแต่จำเป็นที่คุณต้องมี จะทำให้องค์กรของคุณเติบโตและพัฒนาไปข้างหน้าพร้อมๆกับยุคดิจิทัล หากคุณกำลังมองหาโปรแกรมบัญชี ที่ดีที่สุดในยุคนี้ สามารถปรึกษา acccloud.tech ได้ทุกเมื่อ

6 ปัจจัยในการเลือกซื้อโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูป

6 ปัจจัยในการเลือกซื้อโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูป

การเลือกซื้อโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูป ก็เหมือนการเลือกผู้ที่จะเข้ามาดูแลธุรกิจของคุณ เพราะข้อมูลทุกอย่างจะอยู่กับเค้าทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลยอดขาย เทียบสถิติกำไรแต่ละปี เปรียบเทียบยอดขายสินค้าแต่ละตัว ค่าใช้จ่ายต่างๆภายในบริษัทหรือองค์กร หรือแม้กระทั่งไตรมาสนี้บริษัทได้กำไรหรือขาดทุน โปรแกรมบัญชีจะเป็นผู้ให้ข้อมูลนี้ทั้งหมดกับคุณ เพราะฉะนั้นมันจึงจำเป็นอย่างมาก ที่เราจะเลือกโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูป ที่มีความปลอดภัย เข้าใจง่าย ระบบมีความเสถียรภาพ และยังมีปัจจัยอื่นๆในการเลือกซื้ออีก ไปดูกันว่ามีปัจจัยด้านใดอีกบ้าง

1.บริษัทมีขนาดที่ต้องใช้โปรแกรมบัญชีสำเร็จรูป

เราขอขยายความของหัวข้อที่ว่า บริษัทมีขนาดที่ต้องใช้โปรแกรมบัญชี นั่นหมายถึงว่าคุณต้องเอาขนาดของบริษัทมาพิจารณาว่าจำเป็นจะต้องใช้มากน้อยเพียง หากเราเป็นบริษัทหรือองค์ขนาดเล็ก ที่สามารถเดินส่งเอกสารได้อย่างสะดวก โปรแกรมบัญชีก็ยังไม่มีความจำเป็นต่อบริษัท เพราะจะทำให้มีความยุ่งยากมากว่าสะดวกสบาย แต่หากคุณเป็นองค์กรขนาดใหญ่ และการเดินเอกสารนั้นสามารถทำได้ แต่มีความยากในการจัดเก็บและการค้นหา ก็เหมาะสมที่จะใช้อย่างมาก เพราะคุณจะสามารถค้นหาข้อมูลและจัดเก็บข้อมูลได้แบบทันที แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นบริษัทหรือองค์กร ก็ต้องมีความพร้อมในการใช้อย่างมาก 

2.ความพร้อมของบุคลากรในการใช้งานโปรแกรมบัญชี

ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อแน่นอนว่าคุณควรที่จะจัดการประชุม หรือมีการปรึกษากันในองค์กรก่อน ว่ามีความพร้อมมากน้อยเพียงใด ไม่ควรจะเป็นความคิดเห็นของใครเพียงคนเดียว ก็เพราะว่าโปรแกรมบัญชีไม่ได้ใช้เพียงแผนกใดแผนกหนึ่ง แต่เชื่อมกันทั้งบริษัท และหากมีมติที่ตรงกัน ก็ควรมีการจัดสอนการใช้ซอฟแวร์เกิดขึ้น หลังจากที่ตัดสินใจเลือกบริษัทที่จะซื้อซอฟแวร์ได้ได้

3.เปรียบเทียบบริษัทผู้ผลิตซอฟแวร์ก่อนตัดสินใจเสมอ

เรื่องนี้สำคัญอย่างมาก เพราะหากเราไปเลือกบริษัทที่มีความผิดพลาดบ่อยๆ หรือบริษัทที่ตั้งใจมากโกงโดยเฉพาะ ก็จะเป็นเราเองที่เสียหายทั้งเวลาและเงิน เพราะฉะนั้นจะต้องดูให้ดี และมีการเปรียบเทียบหลายๆบริษัท ทั้งคุณภาพและราคา ซอฟแวร์หรือเครื่องมือที่บริษัทนั้นๆใช้พัฒนาโปรแกรม และอีกข้อหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อเราก็คือ ถ้าหากบนหน้าเว็บไซต์ของผู้ขายที่มีรีวิวจากผู้ใช้จริง ทำให้เราสามารถตรวจสอบความน่าเชื่อถือได้ โดยการค้นหาว่าบริษัทที่รีวิว มีตัวต้นจริงหรือไม่ และในส่วนของราคาเราก็สามารถขอใบเสนอราคา มาเปรียบเทียบได้เลย

4.ควรเลือกบริษัทที่มีการทดลองก่อนซื้อจริง

ข้อนี้เป็นข้อสำคัญที่มีประโยชน์ต่อเรามากๆ เพราะการได้ทดลองใช้งาน ทำให้เราตัดสินใจได้ง่ายมาก และทำให้เราเห็นอะไรหลายๆอย่าง ได้ทดลองใช้งานว่าเหมาะกับบริษัทเราหรือไม่ และที่สำคัญคือบริษัทนี้จะเป็นบริษัทที่มีความเชื่อถืออย่างมาก เพราะตัวบริษัทต้องการขายงานที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง และที่สำคัญยังทำให้เรามีความคล่องแคล่วในการใช้งานก่อนตัดสินใจซื้อจริง

5.บริการหลังการขายก็มีความสำคัญ

เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม ถึงแม้ว่าในการใช้งานโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปไม่ได้มีปัญหาใดๆ แต่ก็ใช้ว่าจะไม่มี และเราต้องมั่นใจได้ว่าบริษัทซอฟแวร์ที่เราเลือก มีทีมซัพพอร์ตที่พร้อมแก้ปัญหาให้คุณตลอด 24 ชั่วโมง หรือพร้อมทุกเมื่อที่คุณมีปัญหานั่นเอง นอกจากพร้อมเสมอ ผู้ซื้อควรแน่ใจว่าทีมซัพพอร์ตมีประสบการณ์มากพอที่จะอก้ปัญหาให้เราได้อย่างตรงจุด 

6.ศักยภาพการแสดงผลของโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูป

ข้อนี้จะมีความเชื่อมโยงกับการทดลองก่อนซื้อจริง เพราะเราจะสามารถเห็นศักยภาพของโปรแกรมได้ทันที หรือเรียกว่าทดลองเดโม่ก่อนนั่นเอง เหมือนตอนที่เราจะซื้อมือถือมีตัวทดลองให้เล่น เราก็จะทรราบการใช้งานที่แท้จริง หน้าตาโปรแกรมเป็นแบบไหน มีความสเถียรภาพหรือไม่ และเราสามารถจำลองสถานการณ์การทำงานจริงๆ กับโปรแกรมบัญชีที่ทดลองได้เลย ทั้งน้ก็เพื่อทดสิบความเร็วของการเข้าถึงข้อมูล หรือมีความรวดเร็วเพียงใด

หากท่านกำลังมองหาโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูป เพื่อตอบสนองความรวดเร็วของการเก็บข้อมูลหรือค้นหาข้อมูลของบริษัท ก็สามารถปรึกษาเรา acccloud.tech ได้เลย จากประสบการณ์ด้านการทำซอฟแวร์ เพียงแค่คุณต้องการ เราสามารถให้คำปรึกษาได้ทันถ่วงที โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

โปรแกรมบัญชี AccCloud ERP

Internet Of Things (IOT) Part 1

 
 
 

หลายๆท่านอาจจะสงสัยว่าอะไรคือ Internet Of Thing (IOT) ที่กำลังเป็นกระแสในขณะนี้ บทความนี้ผมจะอธิบายหลักการและการนำไปใช้คร่าวๆของ IOT ว่าคืออะไร

 

แนวคิดของ IOT จริงแล้วเริ่มมาตั้งแต่ปี 1999 โดย Kevin Aston นักวิทยาศาสตร์ประจำสถาบัน MIT ที่อเมริกา ได้เริ่มต้นจากการทำ RFID Sensors มาทำการเชื่อมต่อกัน (ปัจจุบันเราใช้คำว่า smart มาแทนสื่อความหมายของการเชื่อมต่อ) โดยประโยชน์ของการเชื่อมต่อเหล่านี้กับอุปกรณ์ขั้นมูลฐานมันจึงทำให้เครื่องมือคุยกันได้รู้เรื่องผ่านในโครงข่ายของมันเอง

 

ต่อมากมีการเพิ่ม Sensor node ขึ้นมา จึงทำให้เกิด Wireless Sensor Node (WSN) ขึ้นให้กับอุปกรณ์ต่างสามารถเชื่อมต่อกันได้ และเครื่องมีอต่างๆเหล่านั้นจะมีการเชื่อมต่อกันภายใต้เทคโนโลยี ด้านการเข้าถึง (Access Technology อยู่ 3 ประเภทด้วยกันคือ 1. Bluetooth 4.0 , IEEE 802.15.4e , WLAN IEEE 802.11 (WIFI)

 

ต่อมาเมื่อมีการสื่อสารของอุปกรณ์มากขึ้นก็ได้มีการพัฒนา Gate way sensor เอาไว้เพื่อช่วยในการจัดการ การเชื่อมต่อไปยังเครือข่าย Internet โดยข้อมูลจะส่งผ่านไปยัง Internet ได้โดยตรง (ดูรูป)

 
 
 
 

 

 
 
 
  

การแบ่งกลุ่ม Internet Of Things เราสามารถแบ่งออกได้ 2 กลุ่มหลักๆด้วยกันคือ

 
  1. Commercial IOT อุปกรณ์ IoT ในกลุ่มนี้จะเชื่อมต่อแบบ IP network เพื่อเข้าสู่ internet ได้โดยตรง

  2. Industrial IoT อุปกรณ์ IoT ในกลุ่มนี้จะสื่อสารแค่ในกลุ่ม Sensor node เดียวกัน(local devices ) อาจไม่ได้เชื่อมสู่อินเตอร์เน็ต

โปรแกรมบัญชี AccCloud ERP ในปัจจุบันได้วางรากฐานสำหรับการต่อยอดระบบ ไปถึงการเชื่อมต่ออุปกรณ์อัตโนมัติ ด้วยเทคโนโลยีเฉพาะ เมื่อผู้ใช้งานระบบ AccCloud ERP ต้องการจะเชื่อมโยงข้อมูลการผลิตกับใน Line Production ในอนาคตสามารถทำได้ในทันที

 

***  Function IOT นี้ น่าจะเปิดบริการให้ใช้งานได้เร็วๆนี้ ***

 

 

5 ขั้นตอนการทำธุรกิจออนไลน์

 
 
 
  1. วางแผนและกลยุทธ์การตลาด

  2. ก่อนอื่นกิจการจะต้อง วิเคราะห์ก่อนครับว่า จุดเด่นของกิจการคืออะไร คู่แข่งเป็นใคร กล่าวคือ ต้องวิเคราะห์ SWOT ของกิจการเสียก่อน หลังจากนั้น วิเคราะห์ Segment , Target และ Position ของสินค้าตนเองในตลาด

  3. วางแผนการดำเนินการ

  4. ในขั้นนี้คือการร่าง Business Model และ แผนการดำเนินงานในแต่ละขั้นตอน เช่นแผนการติดต่อ supplier การหาลูกค้า การหาชื่อ website ที่สอดคล้องกับกิจการ

  5. พัฒนา Web site

  6. ในขั้นตอนนี้ เจ้าของกิจการจะทำการพัฒนา Web site ให้มีความเข้าถึงง่าย ใช้งานง่าย มีความน่าเชื่อถือ และ มี function ครบ และมี การโปรโมชั่นเป็นระยะ

  7. พัฒนา Content Optimization

  8. หรือ การทำ SEO ในขั้นตอนนี้ คือการทำให้ Website ขึ้นหน้าแรกใน Google ** ในขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ยากที่สุดในทุกขั้นตอนของการทำ Online Business

  9. อย่าลืมทำ Offline Marketing ควบคู่กันไปด้วย

  10. เช่นการโปรโมท ร้านด้วยวิธีการอื่นๆ

** ท่านทราบหรือไม่ว่า การใช้โปรแกรมบัญชี AccCloud ทันที ที่มีการลงทะเบียน Web site กับเรา

 

โปรแกรมบัญชี AccCloud มี Function ช่วยในการโปรโมท Website ของท่านให้อยู่อันดับที่สูงขึ้นใน Google ด้วยเช่นกัน 

 

ถ้าต้องการเข้าใช้งานโปรแกรมบัญชี Accloud สามาเข้าใช้งานได้ >>ที่นี่<<

 
บทความที่เกี่ยวข้อง 

 

โปรแกรมบัญชี AccCloud ERP

โปรแกรมบัญชีที่ดีควรประกอบด้วยอะไรบ้าง

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัจจุบันโปรแกรมพื้นฐานของแต่ละกิจการมีหลักๆไม่กี่อย่างเช่น โปรแกรม Microsoft Office เช่น Excel, Word และ โปรแกรมบัญชี ที่แทบทุกกิจการจะต้องมีใช้ นอกจากนั้นก็จะเป็น โปรแกรมติดต่อสื่อสารประเภท Line หรือ email เป็นต้น

 

ในบทความนี้ผมจะมารีวิวในส่วนของโปรแกรมโปรแกรมบัญชีครับ (Romney and Steinbart (2003) )ได้ให้คำจำกัดความไว้ว่า “โปรแกรมทางการบัญชี คือ ระบบการทำงานระบบหนึ่งซึ่งประกอบด้วย เทคโนโลยีสารสนเทศ ทรัพยากรมนุษย์ และนโยบายของบริษัท เน้นถึงการใช้ข้อมูลทางการบัญชีที่เกิดจากการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจเพื่อ ให้บรรลุวัตถุประสงค์หลักดังนี้

 

1. การเก็บรวบรวมและบันทึกรายการค้าของธุรกิจ

 

2. การประเมินผลข้อมูลเพื่อให้ได้สารสนเทศที่มีประโยชน์ การวางแผน การสั่งการ และการควบคุม

 

3. การจัดให้มีการควบคุมข้อมูลของธุรกิจเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลมีความครบถ้วน ถูกต้อง และเชื่อถือได้ “

 
 

ดังนั้นความละเอียดซับซ้อนของโปรแกรมบัญชี จึงเป็นไปตามความละเอียดและซับซ้อนของธุรกิจ กล่าวคือ ถ้าธุรกิจเพิ่งเริ่มต้น ไม่มีความซับซ้อนอะไรสักเท่าไหร่ อาจจะไม่ต้องใช้โปรแกรมบัญชีเลยก็ได้ ใช้แค่เอกสารทำมือ หรือจะใช้ Excel ก็ได้ แต่พอทันที ที่ธุรกิจเริ่มซับซ้อนขึ้น มีข้อมูลมากขึ้นการทำมือ หรือ คุมด้วย Excel ก็อาจจะไม่พอจึงเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจโดยมากที่หันมาใช้โปรแกรมบัญชีกัน

 
 

แล้วจะรู้ได้ยังไงครับว่า ธุรกิจนั้นถึงเวลาที่จะใช้โปรแกรมบัญชี กันแล้วหรือยัง??

 

โดยธรรมชาติแล้ว ตอนเริ่มต้นธุรกิจ ผู้ประกอบการจะไม่ค่อยสนใจหรอกครับว่า บัญชีจะเป็นยังไง คือจะสนใจแต่ว่าจะขายได้ไหม จะมียอดขายจากที่ไหน ส่วนบัญชีค่อยว่ากัน ดังนั้นตอนแรกๆ ของธุรกิจจะดูยุ่งๆเหยิงหน่อย แต่เมื่อธุรกิจผ่านไปถึงปีที่ 2 ปีที่3 เริ่มมีทุนจะเริ่มหันกลับมาดูบัญชีภายในของธุรกิจเราเองว่า จริงๆแล้วที่มีเงินสดหมุนเวียนนี่มีกำไรที่แท้ทรูเท่าไหร่กันแน่ ตอนนี้ผู้ประกอบการก็จะเริ่มต้นหาโปรแกรมบัญชีที่ตอบสนองธุรกิจของเขา

 
 
 

แต่ในตลาดนี่โปรแกรมบัญชีก็มีเยอะไปหมด แล้วเราจะเลือกยังไงดี

 

ก่อนอื่นต้องมาดูก่อนว่า โปรแกรมบัญชี จะต้องมีคุณสมบัติขั้นต่ำอะไรบ้าง โดนปกติแล้วโปรแกรมบัญชีจะต้องมีคุณสมบัติตามนี้ครับ

 
  1. ด้านการ Setup ระบบ

  2. อย่างน้อยเลยต้องมีให้ Setup ดังนี้

  3. รหัสพื้นฐานเช่นพวกรหัสบัญชี รหัสสินค้า รหัสลูกหนี้ รหัสเจ้าหนี้

  4. รหัสJob งาน รหัสการบริการต่างๆ

  5. ด้านบันทึกบัญชีได้ (ถ้าลงไม่ได้ ก็ไม่ใช่โปรแกรมบัญชี)

  6. ลงบันทึกสมุดรายวันได้

  7. ลงบันทึกภาษีซื้อ ภาษีขาย ภาษีซื้อรอขอคืน ได้

  8. ลงบันทึก ภงด 1 3 53 หัก ณ ที่จ่าย ภพ 30 และ ประกันสังคมได้

  9. ออกรายงานแยกประเภท สมุดรายวัน งบกำไรขาดทุน กระดาษทำการ งบดุล วิเคราะห์งบการเงิน และ งบกระแสเงินสด ได้

  10. ด้านการซื้อ

  11. ออกเอกสารที่เกี่ยวข้องได้อย่างน้อย

  12. ใบขอซื้อ

  13. ใบสั่งซื้อ

  14. เอกสารรับสินค้า

  15. เอกสารตั้งหนี้

  16. เอกสารพวกงานซื้อประเภทต่างๆ เช่นซื้อในประเทศ ต่างประเทศ

  17. รายงานการซื้อ เช่นสรุปการสั่งซื้อ สรุปสินค้าจากการสั่งซื้อ

  18. ด้านการขาย

  19. ออกเอกสารที่เกี่ยวข้องได้อย่างน้อย

  20. ใบเสนอราคา

  21. ใบสั่งขาย

  22. ใบส่งของ/ใบกำกับภาษี

  23. ใบส่งของ/ใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี

  24. เครดิตโน้ต

  25. เดบิตโน้ต

  26. รายงานเกี่ยวข้องกับการขาย

  27. ด้านการเงินรับ

  28. ออกเอกสารที่เกี่ยวข้องได้อย่างน้อย

  29. ใบวางบิล

  30. ใบเสร็จรับเงิน

  31. ใบสำคัญรับชำระ

  32. รายงานที่เกี่ยวข้องกับการรับชำระ และ พวกรายงานลูกหนี้ต่างๆ

  33. ด้านการเงินจ่าย

  34. ออกเอกสารที่เกี่ยวข้องได้อย่างน้อย

  35. การรับวางบิล

  36. ใบสำคัญจ่ายชำระ

  37. พวกเอกสารเงินสดย่อย

  38. พวกเอกสารการตั้งหนี้ หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ

  39. รายงานที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายชำระ และพวกรายงานเจ้าหนี้ต่างๆ

  40. ด้านธนาคาร

  41. ออกเอกสารที่เกี่ยวข้องได้อย่างน้อย

  42. ปรับปรุงธนาคาร

  43. ดู Bank Statement

  44. บันทึกการรับจ่ายเช็ค การเข้าเช็ค การ Reconcile Cheque

  45. รายงานที่เกี่ยวข้องกับพวกความเคลื่อนไหว และ ยอดเงินในธนาคาร ซึ่งต้องสอดคล้องกับยอดบัญชีด้วยเช่นกัน

  46. ด้านสต๊อกสินค้า

  47. ออกเอกสารที่เกี่ยวข้องได้อย่างน้อย

  48. พวกเอกสารรับจ่าย ใบรับ ใบเบิกสินค้า ตรวจนับสต๊อก ปรับยอดสินค้า และอื่นๆ

  49. ในโรงงานก็ควรมีพวกเอกสารสำหรับการผลิต

  50. รายงานที่เกี่ยวข้องกับการรับจ่ายและจำนวนคงเหลือ พร้อมทั้งต้นทุนสินค้าในคลัง

  51. ระบบสต๊อกในปัจจุบันนี้ อย่างน้อย ต้องมีการคำนวณต้นทุนแบบ FIFO และ Moving Average นะครับ ถ้าไม่มีนี่ไร้ค่าเลย เราจะไม่ทราบแม้แต่ว่า ต้องกระจายสินค้าไหนออกบ้าง

  52. ด้านการวิเคราะห์ข้อมูล

  53. พูดถึงโปรแกรมบัญชี ถ้ามีแต่เก็บเอกสารเก็บข้อมูล กับรายงานขั้นพื้นฐานแต่ไม่มีการวิเคราะห์ นี่มันก็ไร้ค่ายังไงไม่รู้ เพราะหัวใจของการเอาโปรแกรมบัญชีมาใช้งานก็เพื่อวิเคราะห์สถานะต่างๆของกิจการนี่เอง

  54. ด้านอื่นๆ เช่นด้านการคำนวณค่าเสื่อม สินทรัพย์ ด้านเงินเดือนประกันสังคมเป็นต้น

 
 
 
 
 

คราวนี้พอเราทราบความต้องการขั้นต่ำของโปรแกรมบัญชีที่ใช้ในกิจการแล้ว เราก็ต้องมาดูต่อว่า แล้วธุรกิจเราต้องการแค่ไหน ต้องการแค่นี้ก็พอแล้ว หรือ ต้องมากกว่านี้อีกเช่น ธุรกิจเรามีการ pack สินค้าหรือ จัดชุดไปขายตามช่วงเทศกาล ธุรกิจเรามีการสั่งผลิตสินค้าเพื่อขาย ธุรกิจเราไม่ผลิตเลย แต่ไปจ้าง Supplier มาทำให้ หรือธุรกิจเราไม่มีสินค้าเลย มีแต่แค่บริการอย่างเดียวก็ต้องดูว่าจะควบคุมอะไรบ้าง เป็นต้น ธุรกิจเราปกติแล้วมีการเบิกงานไปใช้ล่วงหน้าแล้วค่อยมาเคลียร์กันหรือเปล่า หรือสินค้าของธุรกิจเรามันพิเศษเช่นมี Serial No มี วันหมดอายุ มี Lot อะไรประมาณนี้หรือไม่ ซึ่ง ถ้าเรามีความต้องการเหล่านี้ นั่นแสดงว่า โปรแกรมบัญชีที่ตอบแค่ความต้องการขั้นพื้นฐานไม่พอเสียแล้ว

 

เราจะต้องเลือกใหม่ ที่มี ฟังก์ชั่นสูงมากขึ้นๆ แต่แน่นอนว่ายิ่งสูงมากราคาก็ยิ่งแพง ถ้ายิ่งไปถึงระดับ ERP ราคายิ่งเป็นหลักล้าน ดังนั้น ในภาคธุรกิจที่ไม่ได้มีทุนทางด้านระบบสูงขนาดนั้น จึงจำเป็นต้อง ยอมปรับตัวให้เข้ากับระบบส่วนนึง เพื่อให้ใช้ระบบที่ไม่ต้องถึงขั้น ERP ให้ได้

 

ในปัจจุบันเมื่อโลกมาถึงยุค Cloud โปรแกรมบัญชี ก็ได้ปรับตัวให้ขึ้น Cloud เช่นกัน โดยเริ่มแรกในตลาดจะเป็นโปรแกรม straccountonline เกิดมาตั้งแต่ 10 ปีทีแล้ว แต่เข้าใจว่า internet ยุคนั้นช้า บวกกับความไม่เชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัยบน internet โปรแกรมจึงไม่ได้เป็นที่กล่าวขวัญมากมาย ถัดมาโปรแกรม straccountonline ได้พัฒนา Version ใหม่ขึ้นมาภายใต้ชื่อ ACCCLOUD ERP ซึ่งเป็น ระบบที่มีฟังก์ชั่นสูงกว่าตัวเดิมมาก ภายใต้เทคโนโลยีใหม่ โดยโปรแกรมเน้นไปทางด้านการผลิตมากขึ้น

 

ความแตกต่างระหว่างโปรแกรมบัญชี โปรแกรมบัญชีออนไลน์ และ โปรแกรม ERP

ผู้ประกอบการโดยทั่วไปหลังจากก่อตั้งธุรกิจมาสักพัก จะเริ่มต้นหาระบบที่ช่วยในการบริหารจัดการภายใน ซึี่่งโดยมากถ้าไม่ได้ใช้ระบบอะไรที่ซับซ้อนมากนักในตอนก่อตั้งกิจการ อาจจะใช้โปรแกรม Microsoft Office ในการจัดการภายในเช่น เอาไว้ออกบิลขาย เอาไว้ออกเอกสารภายในง่ายๆ แต่จะไม่ค่อยตอบสนองในกรณีที่มีข้อมูลจำนวนมากขึ้น เช่นออกบิลมากขึ้น คุมสต๊อกที่มากขึ้น ดังนั้นขั้นถัดไปผู้ประกอบการจะเริ่มต้นหาโปรแกรมบัญชีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการ ซึ่งอาจจะซื้อมาในราคาถูกๆตอนเริ่มต้นเพื่อให้เพียงพอกับการจัดเก็บเอกสารและลงบัญชีแบบง่ายๆ ทำแค่องค์กรเล็กๆ

 

แต่ในเวลาต่อมาเมื่อบริษัทมียอดขายที่มากขึ้น เริ่มมีรายการที่ซับซ้อนมากขึ้นต้องการควบคุมมากขึ้นและ ตัวเจ้าของเองไม่ค่อยมีเวลามาที่บริษัททุกวัน และต้องการข้อมูลที่ทันเวลามากยิ่งขึ้น การเลือกใช้โปรแกรมบัญชีที่เป็น Online จะมีความจำเป็นขึ้นมาทันที แต่อย่างไรก็ดี ปรแกรมบัญชีก็ยังไม่สามารถจะวางแผนต่างๆในองค์กรได้ เนื่องจากโปรแกรมบัญชี เป็นการเอาข้อมูลในอดีตมาบันทึกเพื่อออกรายงานเท่านั้น จะไม่ถึงการวางแผน เช่นด้านการผลิตสินค้าว่า เมื่อมี Order เข้ามาแล้ว จะต้องเตรียมวัตถุดิบอะไรจำนวนเท่าไหร่ วันไหนบ้าง การจะตอบโจทย์นี้ได้ ผู้ประกอบการจะต้องเปลี่ยนจากระบบมาเป็นระบบ ERP แทน ซึ่ง

ERP ย่อมาจาก Enterprise Resource Planning หรือแปลเป็นไทยว่า การบริหารทรัพยากรขององค์กร หมายถึง การวางแผนบริหารจัดการองค์กรให้สามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยระบบ ERP จะทำหน้าที่เชื่อมโยงข้อมูล และกระบวนการทั้งหมดที่เกิดขึ้นในองค์กรนั้นให้สามารถทำงานร่วมกันได้เป็นระบบเดียว

การดำเนินงานในองค์กรหนึ่งๆ จะมีระบบข้อมูลภายในที่เป็นพื้นฐาน ได้แก่ ระบบงานทางด้านบัญชี(แผนก/ฝ่ายบัญชี) และการเงิน(แผนก/ฝ่ายการเงิน) ระบบงานทรัพยากร
บุคคล(แผนก/ฝ่ายบุคคล) ระบบการให้บริการบุคคลภายนอกองค์กร(แผนก/ฝ่ายพัสดุหรือการจัดซื้อจัดจ้าง) รวมไปถึง ระบบบริหาร/ติดตามประเมินผล(ผู้บริหารองค์กร) ซึ่งแต่ละแผนก/ฝ่าย จะมีกระบวนการทำงานที่ทำให้เกิดข้อมูลต่างๆ มากมาย ซึ่งจะมีการไหลข้อมูลส่งต่อจากฝ่ายหนึ่งไปยังฝ่ายหนึ่ง หรืออาจจบในฝ่ายนั้น ๆ ดังนั้นในองค์กรจะมีข้อมูลมากมายที่แตกต่างกันหรือเหมือนกัน ซึ่งอาจเกิดจากฝ่ายเดียวกันหรือต่างฝ่ายเสมอๆ

Enterprise Resource Planning คือ แนะนำการบริหารทรัพยากรขององค์กรด้วย ERP -  Good Material

จากที่กล่าวมาข้างต้น เพื่อช่วยให้เกิดการบูรณาการข้อมูลขององค์กรจึงจำเป็นต้องมีการกำหนดกระบวนการทำงานที่ชัดเจน และ/หรือการควบคุมกระบวนการต่างๆนั้นด้วยซอฟต์แวร์เพื่อไม่ให้เกิดข้อมูลที่ซ้ำซ้อน ช่วยลดเวลาและขั้นตอนของการทำงาน ดังนั้น จึงทำให้เกิด ระบบ Enterprise Resource Planning หรือ ERP ขึ้น เพื่อทำให้องค์กรสามารถใช้ประโยชน์สูงสุดของทรัพยากร/ข้อมูลที่มีอยู่ อีกทั้งผู้บริหารองค์กรสามารถรับรู้สถานการณ์และปัญหาของงานต่างๆได้ทันที ทำให้สามารถนำข้อมูลไปใช้ประกอบการตัดสินใจในการดำเนินงานได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

โดยทั่วไปแล้วระบบในปัจจุบันราคานับว่าสูงมากๆ และการใช้งานต้อง implement นานกว่าจะใช้งานได้เต็มที่

โปรแกรมบัญชี AccCloud ERP เป็นลูกผสมระหว่างโปรแกรมบัญชีออนไลน์ และ โปรแกรม ERP กล่าวคือ สามารถใช้คุณสมบัติทั้งทางด้านออนไลน์ของโปรแกรมบัญชีได้ และ สามารถใช้คุณสมบัติการวางแผนทรัพยากร ของระบบ ERP ได้พร้อมๆกัน

 
 

 

การนำระบบ AccCloud ERP ไปใช้ในภาคการผลิต

โดยธรรมชาติของระบบผลิตในภาคอุตสาหกรรม สิ่งที่จำเป็นในอันดับต้นๆคือ การบริหารต้นทุน และ การวางแผนจัดการการผลิตให้สามารถผลิตสินค้าได้ทันเวลาและเสียหายน้อยที่สุด ดังนั้นระบบบริหารการผลิตจึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ นอกจากนั้น ระบบบริหารบัญชีการเงิน เป็นส่วนที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน

 

ในระบบการทำงานของโรงงาน จะมีการผลิตอยู่ 2 แบบด้วยกันคือการ Made to Stock และ Made to Order โดยกระบวนการทำงานจะเป็นดังนี้

Workflow Enhancement via ERP | Download Scientific Diagram
 

หลังจากการรับ Order จากลูกค้า ฝ่ายขายเช็ค stock โดยหากในคลังมีสินค้าอยู่แล้วฝ่ายขายจะทำการจองสินค้าเพื่อขายแต่หากไม่มีของใน Stock ฝ่ายขายจะทำการแจ้งให้ฝ่ายผลิตไปทำการผลิตสินค้า จากนั้นฝ่ายผลิตจะทำการรวบรวม Order มาเพื่อทำการสั่งผลิต เช่นเดียวกับฝ่ายวางแผนวัตถุดิบว่าในปัจจุบันวัตถุดิบคงคลังเหลือเพียงพอผลิตหรือไม่ จะต้องสั่งซื้อกับ supplier มาเพิ่มจำนวนเท่าใด และ ฝ่ายวางแผนกำลังการผลิต จะต้องตรวจเช็คว่าเครื่องจักรสามารถรับกำลังการผลิตได้มากน้อยแค่ไหนในการผลิตให้ทันเวลา จากนั้นในขั้นตอนระหว่างการผลิตฝ่ายควบคุมคุณภาพจะต้องคอยตรวจสอบว่าจำนวนของเสียที่เกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน เพื่อบันทึกเป็นประสิทธิภาพของกระบวนการการผลิต จนกระทั่งผลิตเสร็จจึงรับเข้าสู่คลังสินค้าสำเร็จรูปรอการออกใบส่งไปให้กับลูกค้าอีกทีนึง

 

Workflow Automation with an ERP | OmegaCube Blog

 

 

ในระบบ ERP จะเริ่มจับกระบวนการตั้งแต่การเปิดรับ Order จากลูกค้าและนำไปเปิดใบแจ้งผลิตให้ฝ่ายผลิตเปิด Job งาน โดยที่จะต้องมีการ Set Up สินค้าสำเร็จรูปจะต้องมีสูตรการผลิต และ ต้องมีการกำหนดขั้นตอน พร้อมด้วยเครื่องจักรที่จะใช้ในการผลิตลงในระบบ จากนั้นทันทีที่มีการบันทึกรับ Order เข้ามาระบบจะทำการคำนวณหาสินค้าที่จะต้องสั่งซื้อมาใน Stock ให้อัตโนมัติ เพื่อให้ฝ่ายจัดซื้อออกใบสั่งซื้อไปยัง Supplier จากนั้นฝ่ายผลิตจะทำการออกใบ Job Order หรือใบสั่งผลิต เพื่อเป็นตัวตั้งต้นการทำงาน และ ทำการเบิกวัตถุดิบเพื่อทำการผลิต ในระหว่างการผลิตระบบจะทำการเก็บข้อมูลสินค้าระหว่างผลิตในแต่ละกระบวนการว่า สินค้าที่ดีและเสียจำนวนเท่าไหร่ จนกระทั่งผลิตเสร็จ ในระบบจะทำการให้ฝ่ายคลังทำการบันทึกรับสินค้าสำเร็จรูปเพื่อเก็บเข้าสู่คลังสินค้าสำเร็จรูป พร้อมด้วยต้นทุนการผลิตเข้ามาในตัวสินค้า ก่อนจะนำไปส่งมอบ อย่างไรในกระบวนการการส่งมอบโดยปกติแล้วในโรงงานจะมีรถส่งของของตนเอง ดังนั้นในระบบ ERP จึงมีระบบการจัดรถขนส่งเพื่อให้ฝ่ายจัดรถระบุรถให้ไปส่งกับลูกค้าได้

 

โดยในระหว่างที่มีการออกบิลขายตัวระบบเก็บต้นทุนขายในแต่ละบิล ทำให้ผู้ใช้งานสามารถทราบถึงกำไรขาดทุนเบื้องต้นต่อบิลได้ในทันที จากนั้นจะเป็นขั้นตอนในการวางบิลเก็บเงิน ออกใบเสร็จรับเงิน และ รับเงินเข้าระบบ ทั้งนี้ในระบบ ERP ประกอบด้วยส่วนงานบัญชี การเงิน ที่สามารถติดตามการรับชำระ ดูสถานบิลคงค้างที่ยังไม่ได้เก็บเงิน หรือ ดูว่าเช็คใบไหนที่ยังไม่ได้ขึ้นเงินบ้างได้

 

นอกเหนือจากนี้ในระบบ AccCloud.tech   ยังมีระบบเสริมการทำงานอีกหลายส่วนเช่น ระบบ Warehouse Online, Point Of Sale , Production Tracking ,PO Online และ อื่นๆ ที่เป็นตัวเสริมเพื่อช่วยในการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

 

อย่างไรก็ดี ระบบ ERP ที่ดีในยุคปัจจุบันจะต้องจำเป็นที่จะต้อง On Cloud เนื่องจากเรากำลังอยู่ในยุค Thailand 4.0 ที่ทุกสิ่งอย่างจะต้องเชื่อมโยงเป็นสิ่งเดียวกัน(Connectivity) ทำงานแบบพร้อมๆกัน (Collaboration) และ สามารถติดตามการทำงานได้อย่างในปัจจุบัน(Real Time) ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลต่อการที่ผู้บริหารสามารถทราบถึงผลการทำงานและสามารถตัดสินใจ เช่นจะรับหรือไม่รับงาน จะตั้งราคาขายเท่าไหร่ หรือ จะดูว่าสินค้าที่ผลิตไปแล้วดีหรือเสียมากน้อยแค่ไหน และแน่นอนในยุคปัจจุบันธุรกิจจะเน้นแข่งขันกันที่เทคโนโลยี และเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ไม่ได้ไกลตัวอีกต่อไป ดังนั้นในวันใดที่คู่แข่งหรือ คู่ค้าของเรามีเทคโนโลยีที่สูงกว่า นั่นหมายถึงเขาสามารถบริหารจัดการได้ด้วยเครื่องมือที่ประสิทธิภาพสูงกว่า หากเราปรับตัวไม่ทันนั่นย่อมหมายถึงในอนาคตตัวของเราอาจจะไม่สามารถอยู่ในตลาดได้ในระยะยาว

 
 
 

 

 

 

Education Template

Scroll to Top