ผู้ประกอบการโดยทั่วไปหลังจากก่อตั้งธุรกิจมาสักพัก จะเริ่มต้นหาระบบที่ช่วยในการบริหารจัดการภายใน ซึี่่งโดยมากถ้าไม่ได้ใช้ระบบอะไรที่ซับซ้อนมากนักในตอนก่อตั้งกิจการ อาจจะใช้โปรแกรม Microsoft Office ในการจัดการภายในเช่น เอาไว้ออกบิลขาย เอาไว้ออกเอกสารภายในง่ายๆ แต่จะไม่ค่อยตอบสนองในกรณีที่มีข้อมูลจำนวนมากขึ้น เช่นออกบิลมากขึ้น คุมสต๊อกที่มากขึ้น ดังนั้นขั้นถัดไปผู้ประกอบการจะเริ่มต้นหาโปรแกรมบัญชีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการ ซึ่งอาจจะซื้อมาในราคาถูกๆตอนเริ่มต้นเพื่อให้เพียงพอกับการจัดเก็บเอกสารและลงบัญชีแบบง่ายๆ ทำแค่องค์กรเล็กๆ
แต่ในเวลาต่อมาเมื่อบริษัทมียอดขายที่มากขึ้น เริ่มมีรายการที่ซับซ้อนมากขึ้นต้องการควบคุมมากขึ้นและ ตัวเจ้าของเองไม่ค่อยมีเวลามาที่บริษัททุกวัน และต้องการข้อมูลที่ทันเวลามากยิ่งขึ้น การเลือกใช้โปรแกรมบัญชีที่เป็น Online จะมีความจำเป็นขึ้นมาทันที แต่อย่างไรก็ดี โปรแกรมบัญชีก็ยังไม่สามารถจะวางแผนต่างๆในองค์กรได้ เนื่องจากโปรแกรมบัญชี เป็นการเอาข้อมูลในอดีตมาบันทึกเพื่อออกรายงานเท่านั้น จะไม่ถึงการวางแผน เช่นด้านการผลิตสินค้าว่า เมื่อมี Order เข้ามาแล้ว จะต้องเตรียมวัตถุดิบอะไรจำนวนเท่าไหร่ วันไหนบ้าง การจะตอบโจทย์นี้ได้ ผู้ประกอบการจะต้องเปลี่ยนจากระบบมาเป็นระบบ ERP แทน ซึ่ง
ERP ย่อมาจาก Enterprise Resource Planning หรือแปลเป็นไทยว่า การบริหารทรัพยากรขององค์กร หมายถึง การวางแผนบริหารจัดการองค์กรให้สามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยระบบ ERP จะทำหน้าที่เชื่อมโยงข้อมูล และกระบวนการทั้งหมดที่เกิดขึ้นในองค์กรนั้นให้สามารถทำงานร่วมกันได้เป็นระบบเดียว
การดำเนินงานในองค์กรหนึ่งๆ จะมีระบบข้อมูลภายในที่เป็นพื้นฐาน ได้แก่ ระบบงานทางด้านบัญชี(แผนก/ฝ่ายบัญชี) และการเงิน(แผนก/ฝ่ายการเงิน) ระบบงานทรัพยากร
บุคคล(แผนก/ฝ่ายบุคคล) ระบบการให้บริการบุคคลภายนอกองค์กร(แผนก/ฝ่ายพัสดุหรือการจัดซื้อจัดจ้าง) รวมไปถึง ระบบบริหาร/ติดตามประเมินผล(ผู้บริหารองค์กร) ซึ่งแต่ละแผนก/ฝ่าย จะมีกระบวนการทำงานที่ทำให้เกิดข้อมูลต่างๆ มากมาย ซึ่งจะมีการไหลข้อมูลส่งต่อจากฝ่ายหนึ่งไปยังฝ่ายหนึ่ง หรืออาจจบในฝ่ายนั้น ๆ ดังนั้นในองค์กรจะมีข้อมูลมากมายที่แตกต่างกันหรือเหมือนกัน ซึ่งอาจเกิดจากฝ่ายเดียวกันหรือต่างฝ่ายเสมอๆ
จากที่กล่าวมาข้างต้น เพื่อช่วยให้เกิดการบูรณาการข้อมูลขององค์กรจึงจำเป็นต้องมีการกำหนดกระบวนการทำงานที่ชัดเจน และ/หรือการควบคุมกระบวนการต่างๆนั้นด้วยซอฟต์แวร์เพื่อไม่ให้เกิดข้อมูลที่ซ้ำซ้อน ช่วยลดเวลาและขั้นตอนของการทำงาน ดังนั้น จึงทำให้เกิด ระบบ Enterprise Resource Planning หรือ ERP ขึ้น เพื่อทำให้องค์กรสามารถใช้ประโยชน์สูงสุดของทรัพยากร/ข้อมูลที่มีอยู่ อีกทั้งผู้บริหารองค์กรสามารถรับรู้สถานการณ์และปัญหาของงานต่างๆได้ทันที ทำให้สามารถนำข้อมูลไปใช้ประกอบการตัดสินใจในการดำเนินงานได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
โดยทั่วไปแล้วระบบในปัจจุบันราคานับว่าสูงมากๆ และการใช้งานต้อง implement นานกว่าจะใช้งานได้เต็มที่
โปรแกรมบัญชี AccCloud ERP เป็นลูกผสมระหว่างโปรแกรมบัญชีออนไลน์ และ โปรแกรม ERP กล่าวคือ สามารถใช้คุณสมบัติทั้งทางด้านออนไลน์ของโปรแกรมบัญชีได้ และ สามารถใช้คุณสมบัติการวางแผนทรัพยากร ของระบบ ERP ได้พร้อมๆกัน