โปรแกรมบัญชี

โปรแกรมบัญชี AccCloud ERP

การเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการธุรกิจด้วยระบบ ERP

ระบบ ERP เป็นระบบหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญมากสำหรับธุรกิจในปัจจุบัน ระบบ Enterprise Resource Planning (ERP) หรือ ระบบบริหารจัดการทรัพยากรองค์กร ถือเป็นเครื่องมือที่เกิดขึ้นเพื่อทำให้ธุรกิจมีการจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพช่วยเพิ่มความสอดคล้องกับทิศทางที่เป็นไปได้ของธุรกิจในอนาคต

บทความนี้เราจะบอกถึงข้อดีของระบบ ERP ที่ช่วยให้ธุรกิจของเราเติบโตและก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

1. ระบบ ERP ช่วยจัดการข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว

ระบบ ERP ช่วยให้ธุรกิจสามารถรวบรวมข้อมูลของทรัพยากรทั้งหมดในองค์กร เช่น การเงิน การผลิต การคลังสินค้า การขาย และการบริหารจัดการได้ในระบบเดียว เพื่อให้สามารถดำเนินการและติดตามข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง

2. การเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการ

ความสามารถของระบบ ERP นั้นจะช่วยให้เราจัดการข้อมูลทรัพยากรองค์กรได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น สามารถตรวจสอบรายละเอียดข้อมูล วิเคราะห์ และตั้งค่าการทำงานแบบอัตโนมัติได้ ช่วยลดความผิดพลาดในการบริหารจัดการและการตัดสินใจ

3. ช่วยปรับกลยุทธ์ธุรกิจให้ทันสมัยอยู่เสมอ

ระบบ ERP ที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลในเวลาจริง ทำให้สามารถปรับแผน และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้ทันทุกสถานการณ์ ช่วยให้ธุรกิจทันต่อความเปลี่ยนแปลงของกลไกตลาดในปัจจุบัน และสามารถปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับการเติบโตในอนาคต การสร้างความร่วมมือในองค์กร

4. เพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูล

เมื่อธุรกิจของเรามีการจัดการข้อมูลด้วยระบบ ERP เราจะสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ในองค์กรได้อย่างเป็นระบบ และสามารถตั้งค่าการจัดการเฉพาะส่วนได้ง่าย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับข้อมูลของเราได้มากขึ้น ป้องกันการเข้าถึงจากบุคคลภายนอกที่ไม่ได้รับอนุญาต และยังช่วยให้จัดการข้อมูลได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูงสุด

5. สร้างการวัดและประเมินประสิทธิภาพ

การติดตามและวัดผลประสิทธิภาพของระบบ ERP จะช่วยให้ธุรกิจปรับปรุงและปรับตัวให้สอดคล้องกับเป้าหมายของธุรกิจได้อยู่เสมอ สามารถเห็นผลลัพธ์การทำงานได้อย่างง่ายได้ ไม่ว่าจะจากการซื้อ การขาย การทำบัญชี การจัดการคลังสินค้า ทุกระบบจะได้รับการติดตามข้อมูล วัดผล และประเมินประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างสอดคล้องกับเป้าหมายธุรกิจ

6. ปรับเปลี่ยนธุรกิจให้ทันต่อเทคโนโลยียุคใหม่

โลกของเรามีการแข่งขันอยู่ตลอดเวลา การปรับตัวให้เข้ากับโลกยุคใหม่ เปิดรับกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาเป็นสิ่งสำคัญมาก ระบบ ERP นั้นจะช่วยให้เราก้าวทันกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจของเรามีการพัฒนาไปอย่างมั่นคง เพิ่มโอกาสเติบโตทางธุรกิจให้มีโอกาสก้าวหน้าได้เป็นอย่างดี

ระบบ ERP ที่มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการธุรกิจ ช่วยให้ธุรกิจเติบโตและมีความก้าวหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ การเลือกใช้ระบบ ERP ที่เหมาะกับความต้องการและการปรับปรุงตามเทคโนโลยีที่ทันสมัยจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเติบโตและประสบความสำเร็จได้ดี ช่วยให้ธุรกิจก้าวหน้ายิ่งกว่าธุรกิจคู่แข่งและเหนือชั้นยิ่งกว่าใครๆ ได้ในอนาคต

ไขข้อสงสัย SAP ERP และ Local ERP ระบบไหนคุ้มกว่ากัน

SAP ERP และ Local ERP เป็นระบบบริหารจัดการทรัพยากรองค์กร (Enterprise Resource Planning) ทั้งสองระบบมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การเลือกระบบ ERP ที่เหมาะสมจึงควรพิจารณาจากปัจจัยหลายประการ เช่น ประเภทธุรกิจ ขนาดองค์กร งบประมาณ เป็นต้น

SAP ERP 

เป็นระบบ ERP ระดับโลกที่พัฒนาโดยบริษัท SAP จากประเทศเยอรมนี มีฟังก์ชันการทำงานที่ครอบคลุมทุกด้านของธุรกิจ ตั้งแต่การผลิต การเงิน ทรัพยากรบุคคล การขายและการตลาด เป็นต้น SAP ERP ได้รับการยอมรับจากองค์กรชั้นนำทั่วโลกว่าเป็นระบบ ERP ที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า

ข้อดีของ SAP ERP

  • ครอบคลุมทุกด้านของธุรกิจ
  • มีประสิทธิภาพและใช้งานง่าย
  • ได้รับการยอมรับจากองค์กรชั้นนำทั่วโลก

ข้อเสียของ SAP ERP

  • ราคาแพง
  • ใช้เวลาในการติดตั้งและปรับใช้นาน
  • ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้งและใช้งาน

Local ERP 

เป็นระบบ ERP ที่พัฒนาโดยบริษัทในประเทศ มีฟังก์ชันการทำงานที่ตรงกับความต้องการของธุรกิจไทยโดยเฉพาะ Local ERP มีข้อดีคือ ราคาไม่แพงและใช้งานง่ายกว่า SAP ERP แต่อาจไม่ครอบคลุมทุกฟังก์ชันการทำงานเหมือนกับ SAP ERP

ข้อดีของ Local ERP

  • ราคาไม่แพง
  • ใช้งานง่าย
  • ตรงกับความต้องการของธุรกิจไทยโดยเฉพาะ

ข้อเสียของ Local ERP

  • ครอบคลุมฟังก์ชันการทำงานน้อยกว่า SAP ERP
  • อาจไม่มีประสิทธิภาพเท่า SAP ERP

SAP ERP และ Local ERP ระบบไหนคุ้มกว่ากัน ?

ระบบ ERP ไหนคุ้มกว่ากันนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ประเภทธุรกิจ ขนาดองค์กร งบประมาณ เป็นต้น 

หากองค์กรมีขนาดใหญ่ มีความต้องการใช้ฟังก์ชันการทำงานที่ครอบคลุมทุกด้านของธุรกิจ และมีเงินทุนเพียงพอ SAP ERP อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า Local ERP 

แต่หากองค์กรมีขนาดเล็ก มีความต้องการใช้ฟังก์ชันการทำงานที่ตรงกับความต้องการของธุรกิจไทยโดยเฉพาะ และงบประมาณจำกัด Local ERP อาจเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่า ที่สำคัญ แนะนำว่าให้ลองศึกษาข้อมูลเปรียบเทียบระบบ ERP จากหลายบริษัท เพื่อประกอบการตัดสินใจ

ทริคการคำนวณภาษี สำหรับพนักงานเงินเดือน คำนวณยังไง เสียเท่าไหร่บ้าง ?

“ภาษี” คือเงินที่คนหรือธุรกิจต้องจ่ายให้รัฐหรือรัฐบาล เพื่อรองรับงบประมาณและการดำเนินกิจกรรมของรัฐ ภาษีมีบทบาทสำคัญในการเก็บเงินสำหรับรัฐเพื่อใช้ในการให้บริการสาธารณสุข การศึกษา การสร้างสถานที่สาธารณะ และอื่น ๆ ที่สำคัญและจำเป็นสำหรับประชาชน ซึ่งแต่ละประเภทของภาษีมีอัตราภาษีที่แตกต่างกันไป 

ฐานภาษี 

คือ ค่าหรือปริมาณที่ใช้เป็นพื้นฐานในการคำนวณจำนวนเงินที่จะต้องจ่ายในภาษี ฐานภาษีสามารถเป็นรายได้ มูลค่า ทรัพย์สิน หรือสิ่งอื่น ๆ ที่เป็นวัตถุสภาพที่ใช้ในกระบวนการเก็บเงินภาษี โดยทั่วไปแล้ว ภาษีจะเริ่มต้นที่กลุ่มเงินได้สุทธิไม่ถึง 150,000 บาทต่อปี สูงสุดมากกว่า 5 ล้านบาทต่อปี มีวิธีคำนวณสูตรง่าย ๆ คือ

เงินได้สุทธิ = เงินได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน

ภาษีที่ต้องจ่าย = เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี

ภาษีมีอะไรบ้าง 

  • ภาษีเงินได้แบบบุคคลธรรมดา และ แบบนิติบุคคล
  • ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม
  • ภาษีธุรกิจเฉพาะ
  • ภาษีอากรแสตมป์
  • ภาษีสรรพสามิต

วิธีการคำนวณภาษี สำหรับพนักงานเงินเดือน

  • เงินได้สุทธิ 0 – 150,000 บาท : ได้รับยกเว้น
  • เงินได้สุทธิ 150,001 – 300,000 บาท : อัตราภาษี 5%
  • เงินได้สุทธิ 300,001 – 500,000 บาท : อัตราภาษี 10%
  • เงินได้สุทธิ 500,001 – 750,000 บาท : อัตราภาษี 15%
  • เงินได้สุทธิ 750,001 – 1,000,000 บาท : อัตราภาษี 20%
  • เงินได้สุทธิ 1,000,001 – 2,000,000 บาท : อัตราภาษี 25%
  • เงินได้สุทธิ 2,000,001 – 5,000,000 บาท : อัตราภาษี 30%
  • เงินได้สุทธิ 5,000,001 บาท : อัตราภาษี 35%

ค่าลดหน่อยภาษี 

คือ รูปแบบหนึ่งของการลดจำนวนเงินที่ต้องจ่ายในภาษีโดยตรง นั่นคือ ค่าลดหน่วยภาษีจะลดจำนวนเงินที่คุณต้องจ่ายในภาษีตรง ๆ นั่นเอง ไม่ใช่การลดรายได้ก่อนที่จะคำนวณภาษีแต่อย่างใด เช่น

  • ค่าลดหย่อนคู่สมรส 60,000 บาท
  • ค่าลดหย่อนบุตร 30,000 บาทต่อคน (แรกเกิด – 20 ปี)
  • ค่าฝากครรภ์และตลอดบุตร ไม่เกิน 60,000 บาท
  • ค่ากองทุนสำรองชีพ 15% ไม่เกิน 500,000 บาท
  • ค่าลดหย่อนตามจริง ประกันชีวิต ไม่เกิน 100,000 บาท
  • อื่น ๆ

อย่างไรก็ตาม การชำระภาษีตามระยะเวลาที่กำหนด และชำระครบเป็นหน้าที่ของทุกคน เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าปรับที่เพิ่มขึ้น และช่วยให้รัฐนำภาษีไปใช้ในการพัฒนาส่วนกลาง รวมถึงบริการด้านสาธารณะต่าง ๆ ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และดำเนินชีวิตได้ดีมากขึ้นนั่นเอง

ซอฟต์แวร์ erp ตัวช่วยจัดการธุรกิจเชื่อมต่อบน “แพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์”

การทำธุรกิจ E-commerce หรือร้านค้าออนไลน์มีการการเติบโตและพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ช่วยให้สามารถซื้อขายสินค้าต่างๆ ได้ตลอดเวลาแบบ 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะกลุ่มร้านค้าที่ได้มีการขายบนแพลตฟอร์มใหญ่ๆ เช่น Shopee Lazada และ Tiktok ที่จะมีลูกค้าสั่งของตลอดเวลา ทำให้ต้องมีการจัดการข้อมูลที่เป็นระบบชัดเจน ป้องกันความคลาดเคลื่อนหรือความผิดพลาดไม่ให้เกิดขึ้น แต่บางทีเราก็อาจจะตกหล่นไปบ้าง ทำให้เกิดผลตอบรับในแง่ลบจากผู้ซื้อได้ จะดีกว่าไหมถ้าเราหันมาใช้ตัวช่วยจัดการธุรกิจที่จะทำให้การจัดการธุรกิจของคุณง่ายกว่าที่เคยด้วย “ระบบซอฟต์แวร์ erp ”

ระบบซอฟต์แวร์ ERP คืออะไร 

ERP ย่อมาจาก Enterprise Resource Planning ซึ่งหมายถึง ซอฟต์แวร์ระบบการเงินที่จะช่วยจัดการวางแผนของการจัดการรูปแบบธุรกิจของคุณ เช่น การผลิต การขาย การสั่งซื้อ การบริการ การเงิน ฯลฯ รวมไปจนถึงกระบวนการต่างๆ ภายในองค์กรธุรกิจ โดยจะมีการรวบรวมข้อมูลทั้งหมดไว้ภายใน Database หลัก และฝ่ายอื่นๆ ภายในองค์กรสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้ ทำให้วางแผนการทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

ประโยชน์จากการใช้งานระบบซอฟต์แวร์ ERP

การเลือกใช้ระบบ ERP ภายในองค์กรนั้นมีข้อดีมากมาย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบของธุรกิจที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

  • การเก็บข้อมูลการทำงานทั้งหมดจากแต่ละฝ่ายภายในองค์กรไว้ในระบบเดียวกัน (Database)
  • การแชร์ทรัพยากรภายใน Database ให้แต่ละฝ่ายสามารถเข้าถึงข้อมูลและทำงานร่วมกันได้
  • ป้องกันการทำงานซ้ำซ้อน จากแต่ละหน่วยงาน ด้วยระบบอัพเดตข้อมูลแบบ Real-Time
  • ลดต้นทุนการใช้เครื่องมือช่วยเหลือที่มากเกินความจำเป็น
  • ช่วยให้มองเห็นถึงภาพรวมขององค์กรทั้งหมด ทำให้จัดการวางแผนได้ง่ายขึ้น

การเชื่อมต่อระบบซอฟต์แวร์ ERP กับร้านค้าออนไลน์

อย่างที่เรารู้ๆ กันว่าการทำร้านค้าออนไลน์ E-commerce ต้องมีการเก็บข้อมูลที่เยอะมากๆ และมีกระบวนการทำงานที่เรียกว่าซับซ้อนเลยก็ว่าได้ ทั้งข้อมูลสินค้า ข้อมูลลูกค้า ข้อมูลการสั่งของจาก Partner ข้อมูลคำสั่งซื้อ และอีกเยอะแยะมากมาย ทำให้ปัจจุบันมีการหันมาใช้ระบบ ERP ร่วมกับแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์มากขึ้น ช่วยรองรับการทำงานแบบรอบด้านได้ดี เช่น เก็บข้อมูลสินค้า คำสั่งซื้อ และข้อมูลของลูกค้า ทำให้รูปแบบการทำงานโอกาสเกิดข้อมผิดพลาดน้อยลง และจัดการดูแลข้อมูลได้ง่าย เมื่อเทียบกับการทำแบบแยกแพลตฟอร์มที่อาจเกิดการพิมพ์คำสั่งซื้อซ้ำหรือข้อมูลคำสั่งซื้อตกหล่นได้ ทำให้เกิดผลลัพธ์เชิงลบตามมา

การเตรียมความพร้อมก่อนใช้ระบบซอฟต์แวร์ ERP

ก่อนที่จะเริ่มใช้ระบบ ERP กับแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ ควรเริ่มศึกษาข้อมูลก่อนว่าธุรกิจจะเข้ากับการทำงานของระบบ ERP ได้ไหม และถ้ามั่นใจแล้วว่าจะทำการใช้ระบบ ERP ก็ต้องมีการเริ่มเตรียมความพร้อมก่อนเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ ดังนี้

  1. การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Database 
  2. จัดการวางแผนขั้นตอนการทำงาน
  3. ตรวจสอบปัญหาที่พบในขั้นตอนการทำงาน (ก่อนใช้ระบบ ERP)
  4. เลือกใช้ระบบ ERP ที่เหมาะสมและตอบโจทย์ที่สุด

เลือกใช้โปรแกรม Acccloud ERP เป็นตัวช่วยจัดการธุรกิจของคุณ

โปรแกรมบัญชี Acccloud ERP เป็นโปรแกรมที่ช่วยให้ธุรกิจขสามารถจัดระเบียบการทำบัญชีได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดกลาง-ใหญ่ และมีคุณภาพเทียบเท่าโปรแกรม ERP ในเกรดราคาประหยัด เข้าถึงได้ง่าย แต่คุณภาพดีเยี่ยม พร้อมเชื่อมต่อระบบช่องทางการขายออนไลน์

โปรแกรมบัญชี Acccloud ERP เชื่อมต่อแพลตฟอร์มอะไรได้บ้าง

การเชื่อมต่อระบบ ERP กับแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ทำได้หลายช่องทาง และช่วยให้รูปแบบการทำงานสะดวก ง่ายขึ้น ไม่ยุ่งยาก แล้วมีแพลตฟอร์มไหนบ้างที่โปรแกรมบัญชี Acccloud ERP เชื่อมต่อได้บ้าง มาดูกัน

แพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์

ดึงข้อมูลยอดขายจาก ร้านค้าออนไลน์ และเชื่อมโยงอัตโนมัติ มายังโปรแกรมบัญชี AccCloud ERP ผู้ใช้งานสามารถเลือกดูสถานะของคำสั่งซื้อบนแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ ได้ตลอดเวลาที่จะมีการเชื่อมโยงระบบ และสามารถ Update ข้อมูล Stock สินค้าย้อนกลับไปยังคลังได้เช่นเดียวกัน โดยไม่ต้องไปบันทึกข้อมูลซ้ำอีกรอบนึง ได้แก่

  • Lazada
  • Shopee 
  • Tiktok 
  • LINE MyShop

แพลตฟอร์มบริการขนส่งสินค้า

ระบบสามารถทำการเรียกรถขนส่ง โดยทางเราไปเชื่อม API กับ shippop.com ซึ่งสามารถเรียกรถขนส่งสินค้าจากระบบ AccCloud ได้ เช่น ไปรษณีย์ไทย, Flash, Kerry, DHL และ Lalamove 

ซอฟต์แวร์ ERP เป็นเครื่องมือสำคัญที่สามารถช่วยยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานขององค์กรให้ดีขึ้นได้ องค์กรใดที่กำลังมองหาแนวทางในการปรับปรุงการดำเนินงาน ควรพิจารณาการนำซอฟต์แวร์ ERP เข้ามาช่วยงาน

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โปรแกรมบัญชี Acccloud ERP เพิ่มเติมได้ที่ https://acccloud.tech/ และสำหรับใครที่สนใจสามารถ ทดลองใช้โปรแกรม Acccloud ERP ได้ฟรี!! ก่อนตัดสินใจซื้อ >> คลิก

แนวโน้มการใช้งานโปรแกรมบัญชี ERP ในอนาคต

ในยุคที่เทคโนโลยีและความเปลี่ยนแปลงในสภาวะการเงิน เข้ามามีบทบาทสำคัญในการบริหารธุรกิจ การใช้งานโปรแกรมบัญชีเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่สำคัญสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMEs) และธุรกิจขนาดใหญ่ตามท้องถิ่น โดยที่การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการบัญชีช่วยให้การจัดการทางการเงินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและถูกต้องยิ่งขึ้น

การใช้งานโปรแกรมบัญชี ERP

โปรแกรมบัญชี ERP (Enterprise Resource Planning) คือระบบซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยในการบริหารจัดการทั้งหมดของธุรกิจ ไม่เพียงแค่ด้านการเงินและบัญชีเท่านั้น แต่รวมถึงด้านอื่น ๆ ทั้งการผลิต การจัดซื้อ การขาย การจัดการคลังสินค้า การบริหารทรัพยากรมนุษย์ และกระบวนการทางธุรกิจอื่น ๆ อีกมากมาย

ระบบ ERP ช่วยในการผสานการทำงานของระบบต่าง ๆ ในองค์กร เพื่อให้ข้อมูลและกระบวนการทำงานสามารถประสานกันได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยประสิทธิภาพในการใช้งาน ERP มาจากการใช้ข้อมูลที่เหมือนกันในระบบเดียวกัน ช่วยให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เนื่องจากมีข้อมูลที่ถูกต้องและมีความเชื่อถือได้นั่นเอง

ฟังก์ชันหลัก ๆ ของโปรแกรมบัญชี ERP

  • การบริหารงานการเงินและบัญชี: ช่วยในการบันทึกรายรับรายจ่าย, การจัดการสมุดบัญชี, การสร้างงบการเงิน, การคำนวณภาษี, และรายงานทางการเงินที่เกี่ยวข้อง
  • การจัดการคลังสินค้า: ช่วยในการติดตามสินค้าในคลัง, การจัดการออร์เดอร์, การจัดส่งสินค้า และการจัดการระบบคลังสินค้าเพื่อให้สามารถรับ-ส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การจัดการโครงการ: ช่วยในการวางแผนและติดตามการดำเนินงานของโครงการ รวมถึงการจัดการทรัพยากรที่เกี่ยวข้องกับโครงการนั้น
  • การจัดการการผลิต: ช่วยในการวางแผนการผลิต, การติดตามกระบวนการผลิต, การจัดการการสั่งซื้อวัตถุดิบ, การวางแผนการใช้วัตถุดิบ และการจัดการสินค้าสำเร็จรูป
  • การบริหารทรัพยากรมนุษย์: ช่วยในการบันทึกข้อมูลพนักงาน, การจัดการเวลาทำงาน, การคำนวณเงินเดือน, การวางแผนทรัพยากรมนุษย์ และการจัดการกับข้อมูลความรู้ของพนักงาน

แนวโน้มการใช้งานโปรแกรมบัญชี ERP ในอนาคต

แนวโน้มการใช้งานโปรแกรมบัญชี ERP ในอนาคต ิยังคงมีความสำคัญและเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีคุณสมบัติและประโยชน์ที่ส่งผลให้ธุรกิจนั้น ๆ มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทั้งภายในและภายนอก ดังนี้

1. การบริหารจัดการทั้งหมด

โปรแกรมบัญชี ERP จะเป็นศูนย์กลางที่รวมการบริหารจัดการทั้งหมดของธุรกิจ เช่น การเงิน การผลิต การขาย คลังสินค้า ทรัพยากรมนุษย์ และกระบวนการทางธุรกิจอื่น ๆ ที่ส่งผลให้การเชื่อมโยงข้อมูลและกระบวนการทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

2. ความสามารถในการปรับแต่ง

โปรแกรมบัญชี ERP ในอนาคต จะมีความสามารถในการปรับแต่งให้เหมาะสมกับธุรกิจและองค์กรแต่ละแห่งมากยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถกำหนดกระบวนการทำงานและรายละเอียดที่เป็นพิเศษให้เหมาะสมกับความต้องการของตน

3. การใช้เทคโนโลยีเชิงนวัตกรรม

การพัฒนาทางเทคโนโลยีต่าง ๆ อย่างระบบคลาวด์ (Cloud) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระบบเข้ารหัส (Encryption) และการวิเคราะห์ข้อมูล (Analytics) จะทำให้โปรแกรมบัญชี ERP มีความสามารถในการให้ข้อมูลที่มีคุณค่าและประสิทธิภาพสูงขึ้น

4. ความเชื่อมโยงกับอุปกรณ์ IoT

อุปกรณ์ IoT (Internet of Things) ที่เชื่อมต่อกับโปรแกรมบัญชี ERP สามารถให้ข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับการผลิต คลังสินค้า การขาย และกระบวนการธุรกิจอื่น ๆ ที่สามารถนำมาวิเคราะห์และใช้ในการตัดสินใจได้

5. ระบบการชำระเงินและการเงินดิจิทัล

โปรแกรมบัญชี ERP ในอนาคตอาจมีการรวมระบบการชำระเงินและการเงินดิจิทัลเข้ากับระบบ ช่วยในการทำธุรกรรมการเงินออนไลน์และการจัดการการเงินให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

6. การปรับใช้ตามกฎหมายและข้อกำหนด

โปรแกรมบัญชี ERP จะต้องสามารถปรับใช้เพื่อตรงกับข้อกำหนดทางกฎหมายและข้อกำหนดทางการเงินที่เปลี่ยนแปลงได้ เช่น การปฏิบัติตามข้อกำหนดภาษี การบัญชีที่ตรงตาม GAAP และอื่น ๆ

7. การทำงานร่วมกับอินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง

ส่วนใหญ่แล้ว, การทำงานร่วมกับเครือข่ายแห่งสรรพสิ่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถแบ่งปันข้อมูลกับคู่ค้า ผู้จัดการ ลูกค้า และอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ การใช้งานโปรแกรมบัญชี ERP ในอนาคตจะเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการที่ทั้งอยู่ในองค์กรและเชื่อมโยงกับโลกภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพและยืดหยุ่นขึ้น เพื่อเพิ่มความสามารถในการบริหารจัดการธุรกิจ โดยที่ยังคงให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับแผนกและกระบวนการทางธุรกิจที่แตกต่างกันอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดที่สุด

ประโยชน์ของโปรแกรมบัญชีในธุรกิจขนาดเล็กและกลาง

ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (Small and Medium-sized Enterprises หรือ SMEs) คือธุรกิจที่มีขนาดไม่ใหญ่มากและไม่ใช่บริษัทใหญ่หรือองค์กรขนาดใหญ่ ธุรกิจประเภทนี้มักมีลักษณะต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับประเทศและส่วนกฎหมาย ซึ่งอาจจะกำหนดความเป็น SMEs ตามผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ธุรกิจ จำนวนพนักงาน รายได้ประจำปี หรือตัวชี้วัดอื่น ๆ ตามท้องถิ่น

ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง หมายถึงอะไร

ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMEs) หมายถึงกลุ่มของธุรกิจที่มีขนาดเล็กถึงกลางตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ ธุรกิจในกลุ่มนี้มักมีลักษณะการดำเนินงานที่เป็นตัวของเจ้าของธุรกิจ มีจำนวนพนักงานน้อยกว่าบริษัทใหญ่ และมักมีทางเลือกในการจัดการและตัดสินใจที่รวดเร็วมากขึ้น โดยทั่วไปแล้ว มีการกำหนดข้อกำหนดเพื่อจำแนกธุรกิจขนาดเล็กและกลางตามตัวชี้วัดต่าง ๆ เช่น จำนวนพนักงาน, ยอดขายประจำปี, สินทรัพย์รวม, และอื่น ๆ ซึ่งข้อกำหนดเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศหรือเขตภูมิภาค ยิ่งไปกว่านั้น การจำแนก SMEs อาจยังคำนึงถึงลักษณะด้านการดำเนินธุรกิจ เช่น ธุรกิจตามกลุ่มอุตสาหกรรม หรือลักษณะพิเศษอื่น ๆ ที่กำหนดโดยหน่วยงานหรือกฎหมายในแต่ละท้องถิ่น ซึ่งธุรกิจขนาดเล็กและกลาง มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจของประเทศ มีบทบาทในการสร้างงานและรายได้ ส่งเสริมนวัตกรรมและความสร้างสรรค์ และมีส่วนในการกระจายความเจริญรุ่งเรืองในระดับพื้นที่นานาชาติอีกด้วย

ประโยชน์ของโปรแกรมบัญชีใน SMEs

  • ความแม่นยำและความถูกต้องในการบันทึกข้อมูล: โปรแกรมบัญชีช่วยในการบันทึกข้อมูลการเงินอย่างถูกต้องและมีความแม่นยำ ช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดจากข้อผิดพลาดในกระบวนการบัญชีและการเงิน
  • รายงานทางการเงิน: โปรแกรมบัญชีช่วยในการสร้างรายงานการเงินที่สำคัญ เช่น งบการเงิน, งบทดลอง, รายงานภาษี เพื่อให้ผู้บริหารและผู้ถือหุ้นมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจและวางแผนธุรกิจ รวมถึงวิเคราะห์และปรับแผนการเงินเพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
  • การประหยัดเวลาและทรัพยากร: ช่วยลดความซับซ้อนในกระบวนการบัญชีและการเงิน ช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากรที่จะเสียไปในกระบวนการดำเนินธุรกิจ
  • การปฏิบัติตามกฎหมายและภาษี: โปรแกรมบัญชีช่วยในการคำนวณภาษีและการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบัญชีและการเงิน ช่วยในการป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น
  • การวิเคราะห์ผลกระทบของการตัดสินใจทางการเงิน: โปรแกรมบัญชีช่วยในการวิเคราะห์ผลกระทบของการตัดสินใจต่าง ๆ ทางการเงินต่อธุรกิจ ช่วยให้ SMEs สามารถวางแผนเติบโตและการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ
  • การบริหารจัดการธุรกิจ: ช่วยในการวิเคราะห์สถานะการเงินของธุรกิจ ช่วยให้ผู้บริหารมีข้อมูลในการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ เพื่อปรับปรุงการบริหารจัดการและเติบโตในอนาคตได้

ดังนั้น โปรแกรมบัญชีในธุรกิจขนาดเล็กและกลาง หรือ SMEs เป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจในหลายประเทศ เนื่องจากมีบทบาทที่สำคัญในการสร้างงานและสร้างรายได้ รวมถึงเป็นแหล่งสร้างนวัตกรรมและความสร้างสรรค์ในสังคมธุรกิจ. การใช้เทคโนโลยีและการบริหารแบบเป็นระบบจะช่วยให้ SMEs สามารถเติบโตและเหนือกว่าคู่แข่งในระดับท้องถิ่นและระดับนานาชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

8 รายจ่ายต้องห้ามทางภาษี รู้ก่อนเสียเงินฟรี

ภาษีเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการเกิดรายได้ของรัฐบาลและมีบทบาทในการส่งเสริมความเสมอภาคในสังคม แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีบางรายจ่ายที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเราที่ไม่ต้องมีการเสียภาษีใดๆ นอกจากนี้ยังมีบางรายจ่ายที่ต้องทำการเสียภาษีเรียกว่าหนีไม่ได้เลยอย่างการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลก็คงจะหนีไม่พ้นสิทธิที่บริษัทเสียภาษีบนฐานของผลกำไรของบริษัท ในบทความนี้ เราจะมาพิจารณา 8 รายจ่ายที่ต้องห้ามทางภาษีในประเทศไทย ห้ามนำไปคิดคำนวณเป็นรายจ่ายตอนเสียภาษีเด็ดขาด เพราะผิดกฎหมาย มีหลักๆ ดังนี้

1.เงินช่วยเหลือหรือเงินสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐบาล

เงินช่วยเหลือหรือเงินสนับสนุนที่ได้รับจากหน่วยงานรัฐบาลในกรณีเหตุฉุกเฉินหรือสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันอาจไม่ต้องเสียภาษี

2.รายได้จากการทำกิจการธุรกิจที่ได้รับยกเว้นภาษี

บางธุรกิจและกิจการอาจได้รับยกเว้นภาษีในบางกรณี อย่างเช่น การลงทุนในธุรกิจของพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ (BOI) หรือธุรกิจที่ได้รับสิทธิประโยชน์จากหน่วยงานรัฐบาล

3.รายได้จากการซื้อขายทองคำ

รายได้ที่ได้รับจากการซื้อขายทองคำในรูปของทองคำชนิดต่างๆ ที่ได้รับการยกเว้นภาษีซึ่งกำหนดโดยกฎหมาย

4.รายได้จากการรับของขวัญและบริจาค

เงินที่ได้รับจากการรับของขวัญและบริจาคที่อยู่ในกรอบที่กฎหมายกำหนดสามารถรับได้โดยไม่ต้องเสียภาษี

5.เงินเดือนและค่าจ้าง

เงินเดือนและค่าจ้างที่ได้รับจากการทำงานที่มีเงื่อนไขตามกฎหมาย ส่วนใหญ่ไม่ต้องเสียภาษีเนื่องจากภาษีได้ถูกหักก่อนการจ่ายเงินเดือนและค่าจ้าง

6.การรับประโยชน์ทางสวัสดิการและสิทธิประโยชน์อื่นๆ

การรับสวัสดิการเช่น ค่าคลอดบุตร ค่าทำฟัน สวัสดิการเงินบำนาญ และสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่ได้รับจากหน่วยงานรัฐบาลในบางกรณีอาจไม่ต้องเสียภาษี

7.เงินรางวัลที่ได้รับในการแข่งขัน

เงินรางวัลที่ได้รับจากการแข่งขันต่างๆ เช่น กีฬา ศิลปะ การแสดง และกิจกรรมอื่นๆ ที่ได้รับรางวัลไม่ต้องเสียภาษี

8.เงินออมในบัญชีออมทรัพย์

เงินที่อยู่ในบัญชีออมทรัพย์ที่เปิดในธนาคารมีการยกเว้นภาษีเมื่อถอนเงินเป็นครั้งแรกไม่เกิน ฿500,000 ต่อปีภาษี สำหรับบัญชีที่อยู่ค้างไว้เกิน 7 ปีและออกให้กับคนที่มีอายุมากกว่า 55 ปีขึ้นไป ยกเว้นการเสียภาษีอากรที่แน่นอนในทุกกรณี

ในการจัดการเงินและการวางแผนการเสียภาษี ควรให้ความสำคัญในการตรวจสอบรายจ่ายให้ดีว่ามาจากส่วนไหนบ้่างแยกเป็นหมวดหมู่อย่างละเอียด อย่านำมาปะปนกันเพื่อการวางแผนการเงินระยะยาว ของเราในอนาคต ต้องระวังไม่ให้เกิดการละเมิดกฎหมายทางภาษีอาจมาจากการที่เราทำข้อมูลรายการการเสียภาษีผิดพลาด สามารถส่งผลให้ต้องเสียภาษีเพิ่มเติม และอาจถูกเสียค่าปรับและโทษทางภาษีจากเจ้าหน้าที่หรืออาจเสียภาษีโดยไม่ได้รับการยกเว้น ดังนั้น ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับภาษีและการเสียภาษีให้ละเอียดก่อนดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับเงินหรือทรัพย์สินในทุกครั้ง 

ส่วนใครที่เริ่มเสียภาษีครั้งแรก ไม่รู้ว่าต้องเริ่มจากตรงไหน สามารถตรวจสอบข้อมูลภาษี ที่เว็บ https://www.rd.go.th/272.html กรมสรรพากรได้เลย 

ข้อดีของโปรแกรมบัญชี AccCloud ที่กลุ่มธุรกิจ ห้ามพลาด! ช่วยจัดการระบบบัญชี ให้ธุรกิจทำงานง่ายขึ้น!

การทำธุรกิจใครว่าเป็นเรื่องง่าย โดยเฉพาะเรื่องของการทำบัญชีที่ต้องเน้นการไปที่ความแม่นยำของข้อมูล สำหรับการทำธุรกิจที่มีช่องทางการขาย หลากหลาย ต้อวขายผ่านออนไลน์ จัดสต๊อกหน้าร้าน เครียร์ออเดอร์ ที่มีการสั่งเข้ามาตลอดทั้งวัน เลยทำให้การทำงานเกี่ยวกับบัญชีค่อนข้างจะยุงยากในการรวบรวมข้อมูลเพื่อเครียร์บัญชีในแต่ละวัน สำหรับการวางแผน หรือส่งสรรพกรยื่นเรื่องภาษี

 ทุกวันนี้เลยมีการออกแบบโปแกรมบัญชีแบบ ERP ขึ้นมา ที่ทำหน้าที่มากกว่า โปรแกรมบัญชีแบบเก่า สามารถเชื่อต่อการทำงานได้หลายแห่งพน้อมกัน รวบรวมข้อมูลและจัดเอกสารออกมาให้เป็นระเบียบง่ายๆ โดยที่ไม่ต้องวุ่นวายเอกสารเหมือนเมื่อก่อนอีกครั้ง 

โปรแกรมบัญชี ERP AccCloud ช่วยจัดการ ?

  • ระบบบริหารการผลิต
  • ระบบงานก่อสร้าง
  • ระบบการซื้อ
  • ระบบการขาย
  • ระบบบัญชี
  • ระบบคลังสินค้า
  • ระบบการเงิน
  • ระบบภาษี

ข้อดีของโปรแกรมบัญชี ERP AccCloud สำหรับธุรกิจออนไลน์

ด้วยความสามารถเชื่อมต่อ  API Lazada ,Shoppee ,Tiktok แลพ Line ได้ในที่เดียว ทำงานง่ายขึ้น เช็คสต๊อก รายรับรายจ่าย ได้ในจุดเดียว เหมะสำหรับธุรกิจทุกขนาด 

1. ระบบสามารถเชื่อมโยงยอดขายจาก Lazada, shoppee, line และ Tiktok ได้แบบ RealTime

2. ระบบสามารถปรับปรุงยอดสินค้าจากโปรแกรมบัญชี AccCloud ไปยัง Platform Ecommerce เช่น   Lazada, shoppee, line และ Tiktok ได้แบบ RealTime ได้

3. ระบบสามารถเพิ่มร้านค้าได้ไม่จำกัดร้านค้าที่ผูกมาจาก Platform ไปยัง AccCloud

4. ระบบสามารถสรุปยอด Order ได้ไม่จำกัด แล้วส่ง order เหล่านั้นเข้ามาเป็นยอดขายใน AccCloud เพื่อเปิดบิล และ ลง บช ได้

5. ระบบสามารถติดตามสถานการณ์ดำเนินการเช่นขนส่ง จัดเตรียม ดำเนินการสำเร็จจากโปรแกรม AccCloud ERP ได้

6. ระบบสามารถคำนวณยอดสต๊อกเพื่อสั่งซื้อมาจัดจำหน่ายได้ หรือ คำนวณยอดสต๊อกเพื่อสั่งผลิตมาขายได้

7. เนื่องจากระบบเชื่อมโยงกับ Ecommerce  ดังนั้นข้อมูล ทางบัญชีจึงสามารถรวมยอดทั้ง OffLine + Online ได้ทันทีตลอดเวลา8. และสามารถดูงบการเงิน งบกำไรขาดทุน และ สินค้าคงเหลือได้แบบ Real Time

เนื่องจากสามารถทุนแรงใมการทำงานได้ค่อนข้างมากในองค์กร เลยทำให้นักธุรกิจหลายรายเริ่มหันมาสนใจโปรแกรมบัญชี ERP มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ  การจัดจ้าง การผลิต การขาย การบัญชี การเงินและการบริหารทรัพยากรบุคคลตัวโปแกรมก็ทำงานออกมาได้ดี โดยที่ไม่ต้องเข้าไปตรวจงานด้วยตัวเองถึงหน้างาน แถมยังสามารถ รับรู้สถานการณ์และปัญหาของงานต่างๆ ได้ทันที ทำให้สามารถตัดสินใจดำเนินธุรกิจ หรือแก้ปัญหาภายในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาาพ 

ส่วนใครที่กำลังมองหาบริษัทที่น่าเชื่อถือในการติดตั้งระบบโปรแกรมบัญชี ERP ที่มีความน่าเชื่อถือ มีการดูแลหลังการขายตลอดอายุสัญญา หรือหลังจากหมดสัญญาไปแล้ว สามารถติดต่อเรา บริษัท แอคคลาวด์ จำกัด  หรือจะเข้ามาปรึกษาได้ที่ 10-11 ถนน ลูกหลวง แขวง ดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300

ใครบ้างที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม? สามารถจดได้ตอนไหน?

ระบบภาษีในประเทศไทย มีผลต่อธุรกิจทุกอย่างเป็นจำนวนมากธุรกิจที่ดำเนินกิจการในประเทศไทยจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจข้อกำหนดในการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อให้มั่นใจว่าเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับด้านภาษี เราจะพามาเจาะลึกถึงรายละเอียดว่าธุรกิจแบบใดบ้าง ที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และให้ข้อมูลเชิงลึกว่าเมื่อใดที่ควรจดบันทึกขั้นตอนการจดทะเบียน

ผู้มีหน้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

ธุรกิจที่เข้าเกณฑ์ที่กำหนดจะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยทั่วไปธุรกิจที่มีหน้าที่ต้องลงทะเบียน คือ

  • ธุรกิจที่มีรายรับหรือรายได้จากการขายสินค้า หรือบริการเป็นยอดจำนวนเงินมากกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี
  • ธุรกิจขายสินค้าหรือให้บริการ ที่พิสูจน์ได้ว่ามีการดำเนินงาน และเตรียมการประกอบกิจการอันเป็นเหตุให้ต้องมีการซื้อสินค้า หรือรับบริการที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น การก่อสร้างโรงงาน หรือก่อสร้างอาคารสำนักงาน 
  • ธุรกิจที่อยู่นอกราชอาณาจักรและได้ขายสินค้าอยู่ภายในราชอาณาจักร โดยมีตัวแทนอยู่ภายในราชอาณาจักร ให้ตัวแทนเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบการจดทะเบียน

ต้องเริ่มจดภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อไหร่

การติดตามปริมาณการขายของธุรกิจเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญ ที่ต้องใช้ประกอบในการพิจารณาว่าเมื่อใดจำเป็นต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม นี่คือเหตุผลสำคัญที่ควรพิจารณา

ตรวจสอบยอดขาย

หมั่นตรวจสอบรายได้ของธุรกิจเป็นประจำ เพื่อประเมินว่าใกล้ถึงหรือเกินเกณฑ์การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มรึยัง 

ติดตามการคาดการณ์ในอนาคต

ถ้าคุณคาดว่าธุรกิจของคุณจะเติบโตและผ่านเกณฑ์การจดทะเบียน VAT ในอนาคต เราขอแนะนำให้เริ่มกระบวนการลงทะเบียนตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนด และตามเวลา

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี

ถ้าคุณไม่แน่ใจ เกี่ยวกับข้อกำหนดในการจดทะเบียนหรือต้องการความช่วยเหลือในการปรึกษา คาดการณ์ว่าควรจดทะเบียนเมื่อใด แนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีหรือกรมสรรพากรในประเทศไทย เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและแม่นยำ

ระยะเวลาในการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

เมื่อธุรกิจของคุณมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ในการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม จะต้องทำการยื่นขอจดทะเบียนภายใน 30 วัน เริ่มนับจากวันที่ธุรกิจของคุณผ่านเกณฑ์หรือทราบว่าจะเกินเกณฑ์

การทำความเข้าใจข้อกำหนดในการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในประเทศไทยเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจที่จะต้องปฏิบัติตามข้อบังคับด้านภาษี เมื่อระบุว่าธุรกิจของคุณเป็นไปตามเกณฑ์ และขอแนะนำให้ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีหรือกรมสรรพากรเพื่อจัดการกับคำถามที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่คุณอยากรู้

ถ้าคุณมีความกังวลในการทำเอกสารเกี่ยวกับภาษี
เราขอแนะนำ “โปรแกรมบัญชี” ที่จะช่วยจัดการงานด้านเอกสารเกี่ยวกับภาษีได้รวดเร็วและถูกต้อง
สนใจเข้าใช้บริการโปรแกรมบัญชี AccCloud สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : acccloud.tech

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

โปรแกรมบัญชี ERP กับ โปรแกรมบัญชี ต่างกันตรงไหน

องค์กรธุรกิจต่างๆ เริ่มหันมาใช้โปรแกรมบัญชีกันมากขึ้น เพราะเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ธุรกิจติดตามและจัดการธุรกรรมทางการเงินได้ง่ายและเลี่ยงโอกาสเกิดของข้อผิดพลาดได้ดี ปกติแล้วโปรแกรมบัญชีทั่วไปจะมีคุณสมบัติสำหรับการบันทึกรายงาน เช่น ใบแจ้งหนี้ ค่าใช้จ่าย และการชำระเงิน และจัดการสินค้าคงคลัง นอกจากนี้ยังสามารถใช้เพื่อเตรียมยื่นเอกสารการคืนภาษีและจัดการบัญชีเงินเดือนได้ ซึ่งมีรูปแบบโปรแกรมบัญชีต่างๆ ให้เลือกมากมาย ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ แล้วถ้าเราอยากรู้ว่าโปรแกรมบัญชีไหนที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจหรือองค์กรของเรา้องคำนึงถึงอะไรบ้าง หาคำตอบได้ที่นี่

ความแตกต่างของโปรแกรมบัญชี  ERP และ โปรแกรมบัญชีทั่วไป

โปรแกรมบัญชีทั้งสองตัว  เป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับธุรกิจ แต่มีวัตถุประสงค์และความสามารถที่แตกต่างกันออกไปค่อนข้างมาก หวังว่าหลังจากที่ได้อ่านบทความทุกคนจะสามารถเข้าใจถึความแตกต่างของทั้ง 2 ตัวได้มากขึ้น 

โปรแกรมบัญชี ERP คือ

เป็นระบบที่ครอบคลุมมากขึ้นซึ่งรวมทุกด้านของการดำเนินงานทางการเงินของธุรกิจ ซึ่งรวมถึงการบัญชี การจัดการสินค้าคงคลัง การผลิต การขาย และการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) โดยทั่วไประบบบัญชี ERP จะใช้โดยธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องจัดการการดำเนินงานที่ซับซ้อน

ข้อดีของโปรแกรมบัญชี ERP

  1. การเข้าถึงและใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา: โปรแกรมบัญชีออนไลน์ ERP สามารถเข้าถึงและใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านอินเทอร์เน็ต ทำให้เหมาะสำหรับการทำงานร่วมกันระหว่างทีมที่ต้องการการเข้าถึงข้อมูลและการทำงานร่วมกันอย่างรวดเร็ว

  2. การอัพเดตและการบำรุงรักษาโปรแกรมอัตโนมัติ: โปรแกรมบัญชีออนไลน์มักมีการอัพเดตและการบำรุงรักษาโปรแกรมโดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการดูแลรักษาระบบเอง

  3. ความสะดวกสบายในการแชร์ข้อมูล: ช่วยให้ทีมงานสามารถแชร์ข้อมูลและทำงานร่วมกันได้สะดวกและรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องส่งไฟล์ไปมาผ่านทางอีเมลให้ยุ่งยาก

  4. ค่าใช้จ่ายไม่สูง: เพราะโปรแกรมบัญชีออนไลน์มีการเรียกเก็บค่าบริการในรูปแบบเป็นรายเดือนหรือรายปี ทำให้มีค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงมากและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของธุรกิจ

โปรแกรมบัญชีทั่วไป คือ

เป็นระบบพิเศษที่เน้นงานบัญชี เช่น การรายงานทางการเงิน บัญชีเจ้าหนี้และลูกหนี้ และการกระทบยอดธนาคาร โดยทั่วไปแล้วซอฟต์แวร์บัญชีจะใช้โดยธุรกิจขนาดเล็กหรือแผนกภายในธุรกิจขนาดใหญ่นั่นเอง

ข้อดีของโปรแกรมบัญชีทั่วไป

  1. การทำงานแบบออฟไลน์ได้: โปรแกรมบัญชีทั่วไปสามารถทำงานได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งมีประโยชน์ในกรณีที่ไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้หรือในสถานที่ที่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตไม่คงที่

  2. ความปลอดภัยของข้อมูล: โปรแกรมบัญชีแบบออฟไลน์ เป็นการทำงานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นของตัวเอง ซึ่งสามารถควบคุมระดับความปลอดภัยของข้อมูลได้มากกว่าในระบบออนไลน์

  3. ความเป็นส่วนตัว: โปรแกรมบัญชีออฟไลน์ไม่ต้องมีการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ภายนอก ทำให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเป็นส่วนตัวมากขึ้น

  4. ความยืดหยุ่นในการปรับแต่ง: สำหรับโปรแกรมบัญชีออฟไลน์างตัวอาจมีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งฟีเจอร์ตามความต้องการของผู้ใช้เพิ่มเติมได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอการอัปเดต

วิธีเช็คว่าองค์กรควรเลือกใช้โปรแกรมบัญชี ERP หรือโปรแกรมบัญชี?

อย่างที่เราเคยบอกไปก่อนหน้านี้ ว่าถ้าจะต้องเลือกระหว่างบัญชี ERP กับโปรแกรมบัญชี สิ่งที่เราต้องเช็คเลยก็คือเรื่องของความต้องการขององค์กรนั่นเอง ปัจจัยในการเลือกก็มีไม่มาก ตามข้างล่างนี้เลย 

 

1.พิจารณาจากขนาดขององค์กร เป็นหลัก

โดยทั่วไปแล้วระบบบัญชี ERP มีราคาแพงและซับซ้อนกว่าโปรแกรมบัญชี  ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีการดำเนินงานทางการเงินที่ซับซ้อนกว่ามาก โปรแกรมบัญชี เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับองค์กรขนาดเล็กหรือกลาง ที่ไม่มีความซับซ้อนมาก หรือแผนกภายในองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการจัดการงานบัญชีเท่านั้น

 

2.ขอบเขตความต้องการ

โดยทั่วไปแล้วระบบบัญชี ERP จะรวมทุกด้านของการดำเนินการทางการเงินของธุรกิจ รวมถึงการบัญชี การจัดการสินค้าคงคลัง การผลิต การขาย และการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ซอฟต์แวร์บัญชีมักมุ่งเน้นไปที่งานบัญชี เช่น การรายงานทางการเงิน บัญชีเจ้าหนี้และลูกหนี้ และยอดในธนาคาร ถ้าองค์กรของเราไม่จำเป็นต้องใช้ระบบการคลัง แนะนำให้เลือกเป็นโปรแกรมบัญชีจะดีกว่า 

 

3.การผสานรวมกับระบบอื่นๆ

โดยทั่วไปแล้วระบบบัญชี ERP ได้รับการออกแบบให้ผสานรวมกับระบบธุรกิจอื่นๆ เช่น CRM และการจัดการสินค้าคงคลัง สิ่งนี้สามารถช่วยให้ธุรกิจมีความคล่องตัวในการดำเนินงานและปรับปรุงประสิทธิภาพ ซึ่งในส่วนนี้โปรแกรมบัญชี จะซอฟแวร์ที่ใช้รองรับในส่วนนี้

 

4.ค่าใช้จ่าย

โดยทั่วไปแล้วระบบบัญชี ERP จะมีราคาแพงกว่า ค่าใช้จ่ายของระบบบัญชี ERP จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับขนาดขององค์กร คุณสมบัติที่มีอยู่ในระบบ และระดับของการปรับแต่งที่จำเป็น หรือต่อให้ระบบจะไม่ได้มีการปรับแต่งเพิ่มเติมก็มีราคาที่แพงกว่าอยู่ดี

 

5.ความซับซ้อน

โดยทั่วไปแล้วระบบบัญชี ERP มีความซับซ้อนในการติดตั้งและใช้งานมากกว่า โปรแกรมบัญชี  เนื่องจากระบบบัญชี ERP ผสานรวมกระบวนการทางธุรกิจที่หลากหลายและต้องการการปรับแต่งในระดับสูง โดยทั่วไปแล้วทำให้โปรแกรมบัญชีจะมีความซับซ้อนน้อยกว่า ใช้ระยะเวลาในการตั้งค่าปรับใช้งานไม่นาน

สุดท้ายแล้ว ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับองค์กรจะขึ้นอยู่กับความต้องการและข้อกำหนดเฉพาะขององค์กร หากองค์กรต้องการระบบที่ครอบคลุมเพื่อจัดการทุกด้านของการดำเนินงานทางการเงิน การบัญชี ERP เป็นตัวเลือกที่ดี หากองค์กรต้องการเพียงระบบเพื่อจัดการงานด้านบัญชี ซอฟต์แวร์บัญชีก็เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

โปรแกรมบัญชี AccCloud เป็นโปรแกรมที่มีคุณสมบัติเหล่านี้ครบถ้วน เป็นโปรแกรมระดับ ERP แต่ราคาระดับโปรแกรมบัญชีทั่วไป เหมาะกับองค์กรขนาดกลาง-ใหญ่ และแบบฟอร์มเอกสารสำหรับยื่นสรรพากรที่เพรียบพร้อม เลือกเข้าชมบริการเพิ่มเติมได้ที่ โปรแกรมบัญชี AccCloud

Education Template

Scroll to Top