Acccloud โปรแกรมบัญชี

วิธีบริหารจัดการเงินสำหรับผู้เริ่มต้นธุรกิจ

การมีธุรกิจเป็นของตนเองนับเป็นหนึ่งในความใฝ่ฝันของใครหลายคน ทว่าการจะดูแลธุรกิจให้เติบโตได้อย่างมั่นคงนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ โดยเฉพาะช่วงแรกเริ่มเป็นช่วงที่มีความท้าทายมาก เจ้าของธุรกิจและผู้ประกอบการควรมีทักษะในการบริหารจัดการเงินที่ดี ไม่เช่นนั้นก็อาจทำให้การดำเนินธุรกิจมีปัญหาติดขัด ไม่สามารถจัดการการทำงานต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความของเราจึงจะมาแนะนำวิธีบริหารจัดการเงิน เพื่อช่วยให้ผู้ทำธุรกิจทุกคนสามารถดำเนินธุรกิจราบรื่นมากที่สุด ซึ่งมีแนวทางต่างๆ ดังนี้

1. ตรวจสอบบัญชีเงินเข้า-ออกอยู่เป็นประจำ

หากต้องการทำธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการทำบัญชีบันทึกรายรับและรายจ่ายของธุรกิจเรา วิธีนี้จะช่วยทำให้เราทราบว่าธุรกิจมีรายได้ส่วนใหญ่มาจากไหน หรือมีรายจ่ายในด้านใดบ้าง หากเกิดความผิดพลาดในการจัดการทางการเงินก็จะสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ทันที

2. บริหารยอดเงินรายรับและรายจ่ายให้สมดุลกับธุรกิจ

การบริหารเงินรายรับและรายจ่ายจะช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างเหมาะสม สามารถควบคุมการใช้เงินได้อย่างเหมาะสม ทุกธุรกิจต้องเน้นในส่วนของเงินรายรับให้มากๆ เพื่อให้องค์กรดำเนินงานต่อไปได้อย่างสมบูรณ์ ยกตัวอย่างรายได้ที่เกิดขึ้นจากธุรกิจ เช่น การขายสินค้า ขายอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ การขายสินทรัพย์ รวมไปถึงการให้บริการที่ก่อให้เกิดเงินเข้ามาในธุรกิจด้วย

ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ เช่น การซื้อของเข้าสำนักงาน การชำระค่าโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์จำเป็นในการทำงาน การจ่ายเงินค่าโฆษณา ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอุปกรณ์ รวมถึงการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับพนักงานอย่างเงินเดือนและสวัสดิการ การควบคุมค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมจำเป็นมาก หากมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ก็จะทำให้ธุรกิจเกิดปัญหา จึงควรระมัดระวังในการใช้จ่ายให้ดี

3. ดูแลบัญชีให้มีเงินหมุนเวียนเพียงพอตลอดเวลา

นอกจากการทำบัญชี การบริหารเงินรายรับและรายจ่ายให้สมดุลกัน อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการดูแลเงินในบัญชีให้มีเงินหมุนเวียนตลอดเวลา เราควรเตรียมเงินให้พร้อมเสมอสำหรับการดำเนินงานต่างๆ การดูแลให้รายรับกับรายจ่ายอย่างสมดุลกันไม่ได้แปลว่าเราควรมีรายจ่ายเท่ากับรายรับ อย่าใช้จ่ายเงินทุกบาททุกสตางค์ไปจนหมดไม่เหลือติดบัญชีเลย เพราะหากติดปัญหาอะไรจะได้มีเงินสำรองคอยดึงมาใช้จ่ายได้ทันที เน้นให้รายรับมากกว่ารายจ่ายจะดีที่สุด

4. หมั่นปรับแผนทางการเงินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเสมอ

หากเราทำบัญชีและมีการตรวจสอบยอดรายรับรายจ่ายเป็นประจำ เราย่อมรู้ดีว่าธุรกิจมีรายรับส่วนไหนมาจากไหนบ้าง แล้วมีรายจ่ายด้านไหนยังไง แต่ละช่วงของการทำงานจะความเปลี่ยนแปลงทางค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นเสมอ เจ้าของธุรกิจจึงต้องวางแผนการบริหารจัดการเงินให้ดีๆ และคอยปรับเปลี่ยนแผนให้เหมาะสมตามเวลาที่เปลี่ยนไป อย่าวางแผนใดแผนหนึ่งตายตัว เพราะธุรกิจจะต้องมีการเติบโตตลอดเวลา การปรับแผนเป็นประจำจะช่วงให้เราดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การมีธุรกิจเป็นของตนเองจำเป็นต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างยิ่ง การดูแลธุรกิจให้ดำเนินต่อไปได้อย่างมั่นคงก็ยิ่งยากกว่า หากเราเพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจก็ควรศึกษาสิ่งที่จำเป็นต่อธุรกิจอยู่เสมอ เปิดใจให้กับความรู้ใหม่ๆ อีกทั้งควรใจเย็นต่อการทำงาน หมั่นบันทึกรายรับ รายจ่าย ทำบัญชี และวางแผนในทุกการทำงานเสมอ เพราะรากฐานในตอนเริ่มต้นคือสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจของเราเติบโตก้าวหน้าขึ้นได้ดี ช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทักษะสำคัญทางบัญชีที่ผู้ประกอบการทุกคนไม่ควรพลาด

การดูแลธุรกิจให้เติบโตและก้าวหน้าอย่างมั่นคงนั้น ถือเป็นเป้าหมายหนึ่งที่ผู้ประกอบการทุกคนล้วนมุ่งมั่นที่จะทำให้ถึงจุดนั้น แต่ด้วยการแข่งขันที่สูงมากขึ้นในแต่ละวัน หากบริษัทไม่มีการปรับตัวให้เหมาะสมก็อาจจะทำให้เสียโอกาสในการทำงาน ไม่อาจก้าวตามโลกได้ทันก็เป็นได้ หากเราอยากให้ธุรกิจของเราดำเนินงานได้อย่างมรประสิทธิภาพแล้ว เราควรให้ความสำคัญกับการทำบัญชีให้มากๆ และหมั่นฝึกฝนทักษะที่จำเป็นต่อการบัญชี เพื่อให้องค์กรของเรามีทักษะที่เข้มแข็งมากพอที่จะบริหารธุรกิจต่อไปได้ ทักษะทางบัญชีที่สำคัญ มีดังนี้

 

1.มีทักษะด้านการทำงานบัญชีแต่ละระบบเป็นอย่างดี เช่น ระบบซื้อ-ขาย การจัดการคลัง

 

การทำงานด้านบัญชีนั้นจะมีอยู่หลายส่วน แต่ละส่วนทำงานแยกกันเป็นระบบ เพื่อให้บริษัทหรือองค์กรบรรลุเป้าหมายได้อย่างไร้อุปสรรคปัญหา ทักษะแต่ละด้านในการบัญชีจึงสำคัญมาก ทั้งการดูแลระบบซื้อ ระบบขาย ระบบสินค้าคงคลัง ระบบการผลิต ระบบบัญชี ระบบภาษี หากขาดทักษะในระบบใดระบบหนึ่งไปก็อาจทำให้ไม่สามารถทำงานด้านบัญชีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ผู้ประกอบการทุกคนจึงควรศึกษาให้เข้าใจงานบัญชีอย่างรอบด้าน เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็วขึ้น

 

2.มีทักษะด้านกระบวนการทำบัญชี การบันทึก ลงข้อมูลบัญชี

 

หากเราต้องการทำธุรกิจให้ก้าวหน้าและมีผลกำไร การบันทึกข้อมูลบัญชีอย่างถูกต้องนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ข้อมูลตัวเลขค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งต้นทุน ค่าดำเนินงาน รายได้ ผลกำไร ผลตอบแทนธุรกิจ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราเห็นผลลัพธ์ของการทำธุรกิจได้ชัดเจนขึ้น สะดวกต่อการวางแผนงานต่างๆ ในอนาคต

 

3.มีทักษะในการวิเคราะห์และบริหารค่าใช้จ่ายอย่างเหมาะสม

 

เมื่อเรามีการทำบัญชีแล้ว ข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ในบัญชีจะเป็นแนวทางที่ช่วยให้เราบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ผู้ทำธุรกิจทุกคนก็ควรมีทักษะความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นอย่างดีด้วย จึงจะช่วยให้นำข้อมูลทางบัญชีไปใช้ได้อย่างเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ยิ่งมีทักษะการวิเคราะห์และการบริหารค่าใช้จ่ายมากเท่าไร โอกาสที่ธุรกิจจะเจริญเติบโตไปได้ไกลก็มีมากเท่านั้น

 

4.มีทักษะด้านกฎหมายที่เกี่ยวกับการทำบัญชี

 

ความรู้ด้านกฎหมายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในการทำธุรกิจ ยิ่งเป็นการทำบัญชีด้วยแล้ว หากลงข้อมูลผิดพลาดก็อาจเป็นผลเสียต่อบริษัทหรือองค์กรของเราอย่างไม่ตั้งใจขึ้นมาได้ นักบัญชีที่ดีต้องมีความรู้เกี่ยวกับกฎหมายด้านบัญชีบ้าง เพื่อให้สามารถจัดการการทำบัญชีได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย กรณีที่มีการทำรายงานการจัดซื้อ การขาย การจ่ายภาษี นักบัญชีที่มีทักษะนี้ก็จะสามารถทำงานได้อย่างไม่มีปัญหา

 

5.มีทักษะในการบริหารจัดการและประสานงานที่ข้องเกี่ยวกับการทำบัญชี

 

การทำบัญชีเป็นงานที่ต้องเกี่ยวข้องกับการทำงานหลายด้าน หากขาดทักษะการบริหารหรือการประสานงานแล้ว การจะดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพก็จะเป็นไปได้ยาก ดังนั้น ผู้ประกอบการทุกคนจึงควรมีทักษะในด้านนี้ให้มากๆ เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพสูงสุด

ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับงานบัญชีเป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้ธุรกิจของเราบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาการขาดทุน ป้องกันการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า ช่วยให้การดำเนินงานมีความงเหมาะสมมากขึ้น ช่วยให้การดูแลด้านการซื้อ-ขาย การจัดการคลัง การจ่ายภาษี มีการดำเนินงานที่ดี ถูกต้องตามหมาย ช่วยลดปัญหาความขัดแย้งในองค์กร เมื่อเรามีทักษะเหล่านี้ครบถ้วนแล้ว ธุรกิจของเราก็จะเจริญเติบโตและก้าวหน้าอย่างมั่นคงได้เป็นอย่างดีนั่นเอง

โปรแกรมบัญชี
ทักษะสำคัญทางบัญชีที่ผู้ประกอบการทุกคนไม่ควรพลาด

การทำบัญชีชุดเดียวคืออะไร มีข้อดียังไงบ้าง­­

ธุรกิจและการทำบัญชีนับว่าเป็นของคู่กันที่ขาดกันไม่ได้ เมื่อเราเริ่มต้นบริษัทหรือองค์กรอะไรสักอย่างขึ้นมา เราก็จะต้องมีเงินทุนตั้งต้น เงินในการดำเนินงาน และมีค่าใช้จ่ายอีกมากมายหลายอย่าง ซึ่งกว่าที่เราจะบรรลุเป้าหมายของธุรกิจของเราได้นั้น หากไม่มีการบริหารจัดการทางการเงินที่ดีพอก็อาจจะทำให้เกิดผลเสียขึ้น ยอดเงินที่ลงทุนลงแรงไปก็อาจจะเสียเปล่า ขาดทุน ไม่มีผลกำไรกลับคืนมา วิธีป้องกันปัญหาก็คือการทำบัญชี ซึ่งจะช่วยให้เราเห็นถึงข้อมูลตัวเลขและความเป็นไปในธุรกิจได้อย่างชัดเจน ยิ่งถ้าต้องการดูผลลัพธ์ของธุรกิจแบบสรุปทุกข้อมูลเอาไว้ เราก็ควรจัดเก็บข้อมูลแบบบัญชีชุดเดียว


มารู้จักกับบัญชีชุดเดียว


บัญชีชุดเดียว คือ การจัดทำบัญชีโดยรวบรวมข้อมูลการทำบัญชีต่างๆ เช่น ข้อมูลรายรับ รายจ่าย และเอกสารทางการเงิน มารวมเข้าไว้ในบัญชีเดียว มีการจัดลงข้อมูลเอกสารการลงบัญชีอย่างชัดเจน ไม่มีการหลบเลี่ยงหรือแยกบัญชีเพื่อหนีภาษี ข้อมูลบัญชีชุดเดียวจะมีความครบถ้วน สมบูรณ์ สามารถนำไปยื่นเสียภาษีอากรได้ถูกต้องตามกฎหมาย


ข้อดีของบัญชีชุดเดียว


1. ตรวจสอบบัญชีง่าย สามารถเช็คข้อมูลกำไร-ขาดทุนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว


เป้าหมายหลักของการทำบัญชี คือ การเก็บข้อมูลการเงินเพื่อให้บริหารจัดการงานด้านการเงินของบริษัทได้อย่างเหมาะสม ซึ่งบัญชีจะมีการลงข้อมูลค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งรายรับ รายจ่าย ต้นทุน ผลกำไร ยอดขาย ผลลัพธ์ของการลทุน พร้อมสรุปผลให้เห็นเป็นตัวเลขอย่างชัดเจน เมื่อเรารู้ข้อมูลเหล่านี้อย่างละเอียดก็จะบริหารงานได้ง่าย สามารถเช็คข้อมูลความถูกต้องของบัญชีได้ตลอดเวลา


2. ช่วยให้ประเมินผล และวางแผนการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ


การทำบัญชีนั้นจะช่วยให้เราเห็นผลชัดเจนว่าธุรกิจของเรามีผลกำไรมาน้อยเพียงใด แผนการดำเนินงานของบริษัทหรือองค์กรควรจะปรับเปลี่ยนไปในทิศทางไหนบ้าง เมื่อเรารู้ตัวเลขต้นทุน ค่าใช้จ่าย เราก็จะรู้ว่าควรมีการปรับแผนให้เหมาะสมมากขึ้นอย่างไรบ้าง ซึ่งจะช่วยให้การทำงานของบริษัทมีประสิทธิภาพมากขึ้น


3. สร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัท สามารถกู้สินเชื่อได้ตามจริง


บริษัทหรือองค์กรที่มีการทำบัญชีชุดเดียวจะมีความน่าเชื่อถือกว่าการทำบัญชีทั่วไป เพราะบัญชีเดียวมีข้อมูลรายละเอียดครบถ้วน เมื่อต้องการยื่นกู้สินเชื่อก็มีความน่าเชื่อถือ จึงมีโอกาสมากที่ธนาคารจะอนุมัติการกู้ให้กับเรา ต่างจากบัญชีที่มีการตกแต่งบัญชีอย่างผิดปกติ บัญชีเหล่านี้ที่สุ่มเสี่ยงต่อการโดนตรวจสอบและอาจติดแบล็คลิสต์จากธนาคาร


4. วางแผนภาษีได้ง่าย คิดภาษีธุรกิจโดยตรงได้แบบไม่เกิดปัญหา


บัญชีชุดเดียวเป็นการรวบรวมข้อมูลของการทำบัญชีของบริษัททั้งหมดไว้ในที่เดียว เมื่อเราจำเป็นจะต้องคำนวณค่าใช้จ่ายของภาษีก็สามารถนำข้อมูลตรงนี้ไปคิดได้ทันที ไม่ต้องปวดหัวกับการรวมตัวเลขที่ซับซ้อนอีกต่อไป ช่วยให้สามารถจัดการกับภาษี ณ ที่จ่าย ภาษีธุรกิจ และวางแผนค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว


5. ไม่ถูกตรวจสอบบัญชีย้อนหลัง


เมื่อคุณจัดทำบัญชีชุดเดียวแล้ว ข้อมูลทางบัญชีนั้นถือเป็นข้อมูลที่มีความละเอียด ครบถ้วน และชัดเจน สามารถตรวจสอบได้ง่าย จ่ายภาษีได้อย่างถูกต้อง ไม่ขัดต่อข้อกฎหมาย ภาครัฐจึงมีมาตรการยกเว้นการตรวจสอบบัญชีย้อนหลังให้แก่บริษัทหรือองค์กรที่มีการจัดทำบัญชีชุดเดียว คุณจึงไม่ต้องกังวลกับปัญหาภาษีย้อนหลังเลย
การทำบัญชีชุดเดียวถือเป็นวิธีการหนึ่งที่ทุกธุรกิจควรนำไปปรับใช้ เพราะช่วยให้ธุรกิจและองค์กรของคุณสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจได้ง่ายขึ้น สามารถคำนวณเงินต้นทุน เงินลงทุน ยอดผลกำไร ขาดทุน ยอดโบนัส ผลประกอบการต่างๆ รวมถึงบริหารข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการบัญชีได้อย่างเป็นระบบ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดความซ้ำซ้อนจากงานต่างๆ เพิ่มโอกาสให้ธุรกิจก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว

การทำบัญชีชุดเดียว

3 คุณสมบัติสำคัญที่จำเป็นต่อโปรแกรมบัญชีในยุคดิจิทัล

โปรแกรมบัญชี หรือ ระบบซอฟต์แวร์ที่เก็บข้อมูลหรือค้นหาแบบข้อมูลที่สำคัญแบบเรียลไทม์ ที่หลายองค์กรมักนำมาใช้ในปัจจุบัน และข้อดีอื่นๆของโปรแกรมบัญชีก็คือ ช่วยลดขยะที่เป็ฯข้อมูลสำคัญในองค์กร ลดการผิดพลาดในการทำงาน รวมไปถึงสามารถตรวจอบข้อมูลย้อนหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังตอบโจทย์ทั้งธุรกิจขนาดเล็ฏ ขนาดกลาง ไปจนถึงขนาดใหญ่ และในปัจจุบันที่เป็นยุคดิจิทัล หลายๆองค์กรก็มองหาโปรแกรมบัญชี แต่ก่อนที่เราจะขยับขยายในด้านเทคโนโลยี เราจึงจำเป็นต้องมี 3 คุณสมบัติสำคัญ ที่จำเป็นต่อโปรแกรมบัญชีในยุคดิจิทัล ไปดูกันว่าจะมีอะไรบ้าง

1.องค์กรและบุคลากรมีความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง

ยุคดิจิทัลหรือยุคออนไลน์ แน่นอนอยู่แล้ว่าองค์กรของคุณ จะต้องมีการใช้การเก็บข้อมูลแบบเก่ามาสักระยะหนึ่ง เพราะฉะนั้นการปรับตัวให้พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงนี้ เป็นคุณสมบัติข้อที่สำคัญมาก เพราะหากไม่มีความพร้อม โปรแกรมบัญชีก็เป็นเพียงซอฟแวร์ที่เพิ่มความยุ่งยากให้กับคุณเท่านั้น โปรแกรมบัญชีในยุคดิจิทัล เป็นแบบระบบเป็นออนไลน์ เพือให้เหมาะกับการใช้งานในุคดิจิทัล เพื่อเข้ามาช่วยธุรกิจขององค์กรนั้นๆ และยังสามารถทำงานได้ตลอดเวลา เพียงมีอินเตอร์เน็ต ก็สามรถทำงานได้จากทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือหรือแล็ปท็อป ผู้บริหารหรือบุคลากรผู้มีความเกี่ยวข้อง สามารถดูข้อมูลได้อย่างเรียลไทม์ และทำงานได้อย่างทันถ่วงที เพราะฉะนั้นการมีความพร้อมจึงจำเป็นอย่างมากจริงๆ ต่อการเปลี่ยนแปลงเช้าสู่ยุคดิจิทัลที่แท้จริง

2.พร้อมรับกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในการใช้โปรแกรมบัญชี

เรื่องนี้ก็เป็นคุณสมบัติที่สำคัญอย่างมากในองค์กรเช่นกัน และจะเชื่อมโยงไปถึงขนาดขององค์กรที่ต้องใช้โปรแกรมบัญชี เพราะในบางครั้งบริษัทนาดเล็กที่ยังไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่าย ต่อการนำโปรแกรมบัญชีมาใช้ ก็ควรจะมีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน แต่หากองค์กรขนาดเล็กแต่มีงบประมาณ ก็สามารถพิจารณาการใช้โปรแกรมบัญชีได้เช่นกัน โปรแกรมบัญชีออนไลน์ในยุคดิจิทัล จะมีค่าบริการแรกเข้า ค่าบริการรายเดือนในการดูแล ทั้งนี้ราคาหรือส่วนลด ก็ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการที่คุณเลือกใช้โปรแกรมบัญชี เพราะฉะนั้นแล้วการวางแผนงบประมาณที่จะต้องใช้สำหรับการใช้โปรแกรมบัญชี จึงเป็นคุณสมบัติที่สำคัญเช่นกัน

3.เตรียมข้อมูลสำคัญแผนกบัญชีขององค์กรให้พร้อม

ข้อสุดท้ายของคุณสมบัติสำคัญที่จำเป็นต่อการใช้โปรแกรมบัญชีในยุคดิจิทัล ข้อนี้มีความสำคัญอย่างมากเช่กัน ข้อมูลที่สำคัญด้านบัญชีในองค์กร เป็นสิ่งที่ต้องเตรียมให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลสินค้า ข้อมูลรายรับ-รายจ่าย , ข้อมูลลูกหนี้-เจ้าหนี้ , ข้อมูลคู่ค้า , ข้อมูลกำไร , ข้อมูลสถิติ และข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวกับด้านบัญชีที่องค์กรคุณมี ข้อมูลเหล่านี้คุณควรจะต้องตรวจสอบให้ถี่ถ้วนและครบถ้วน เพราะจะเป็นข้อมูลสำคัญที่ต้องอัปโหลดเข้าไปยังโปรแกรมบัญชีออนไลน์ จึงจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบให้ดีง่าไม่มีอะไรตกหล่นหรือผิดพลาด หากข้อมูลมีความพร้อม จะทำให้การใช้งานโปรแกรมบัญชีง่ายขึ้นอย่างมาก

การใช้โปรแกรมบัญชีในยุคดิจิทัล เป็นการลดขั้นตอนของการดำเนินงานในเรื่องต่างๆ ประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น อีกทั้งยังช่วยลดขยะอีกด้วย องค์กรของคุณจะได้รับข้อมูลของตัวเลขที่ถูกต้อง สรุปค่าใช้ กำไรสุทธิได้อย่างแม่นยำ ทำให้คุณได้ห็นภาพรวมขององค์กร อีกทั้งเรื่องภาษีที่คุณมองว่ายุ่งยาก ก็จะเป็นเรื่องง่ายเมื่อคุณเลือกใช้โปรแกรมบัญชี 3 คุณสมบัติง่ายๆแต่จำเป็นที่คุณต้องมี จะทำให้องค์กรของคุณเติบโตและพัฒนาไปข้างหน้าพร้อมๆกับยุคดิจิทัล หากคุณกำลังมองหาโปรแกรมบัญชี ที่ดีที่สุดในยุคนี้ สามารถปรึกษา acccloud.tech ได้ทุกเมื่อ

3 คุณสมบัติสำคัญที่จำเป็นต่อโปรแกรมบัญชีในยุคดิจิทัล

6 ปัจจัยในการเลือกซื้อโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูป

การเลือกซื้อโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูป ก็เหมือนการเลือกผู้ที่จะเข้ามาดูแลธุรกิจของคุณ เพราะข้อมูลทุกอย่างจะอยู่กับเค้าทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลยอดขาย เทียบสถิติกำไรแต่ละปี เปรียบเทียบยอดขายสินค้าแต่ละตัว ค่าใช้จ่ายต่างๆภายในบริษัทหรือองค์กร หรือแม้กระทั่งไตรมาสนี้บริษัทได้กำไรหรือขาดทุน โปรแกรมบัญชีจะเป็นผู้ให้ข้อมูลนี้ทั้งหมดกับคุณ เพราะฉะนั้นมันจึงจำเป็นอย่างมาก ที่เราจะเลือกโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูป ที่มีความปลอดภัย เข้าใจง่าย ระบบมีความเสถียรภาพ และยังมีปัจจัยอื่นๆในการเลือกซื้ออีก ไปดูกันว่ามีปัจจัยด้านใดอีกบ้าง

1.บริษัทมีขนาดที่ต้องใช้โปรแกรมบัญชีสำเร็จรูป

เราขอขยายความของหัวข้อที่ว่า บริษัทมีขนาดที่ต้องใช้โปรแกรมบัญชี นั่นหมายถึงว่าคุณต้องเอาขนาดของบริษัทมาพิจารณาว่าจำเป็นจะต้องใช้มากน้อยเพียง หากเราเป็นบริษัทหรือองค์ขนาดเล็ก ที่สามารถเดินส่งเอกสารได้อย่างสะดวก โปรแกรมบัญชีก็ยังไม่มีความจำเป็นต่อบริษัท เพราะจะทำให้มีความยุ่งยากมากว่าสะดวกสบาย แต่หากคุณเป็นองค์กรขนาดใหญ่ และการเดินเอกสารนั้นสามารถทำได้ แต่มีความยากในการจัดเก็บและการค้นหา ก็เหมาะสมที่จะใช้อย่างมาก เพราะคุณจะสามารถค้นหาข้อมูลและจัดเก็บข้อมูลได้แบบทันที แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นบริษัทหรือองค์กร ก็ต้องมีความพร้อมในการใช้อย่างมาก 

2.ความพร้อมของบุคลากรในการใช้งานโปรแกรมบัญชี

ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อแน่นอนว่าคุณควรที่จะจัดการประชุม หรือมีการปรึกษากันในองค์กรก่อน ว่ามีความพร้อมมากน้อยเพียงใด ไม่ควรจะเป็นความคิดเห็นของใครเพียงคนเดียว ก็เพราะว่าโปรแกรมบัญชีไม่ได้ใช้เพียงแผนกใดแผนกหนึ่ง แต่เชื่อมกันทั้งบริษัท และหากมีมติที่ตรงกัน ก็ควรมีการจัดสอนการใช้ซอฟแวร์เกิดขึ้น หลังจากที่ตัดสินใจเลือกบริษัทที่จะซื้อซอฟแวร์ได้ได้

3.เปรียบเทียบบริษัทผู้ผลิตซอฟแวร์ก่อนตัดสินใจเสมอ

เรื่องนี้สำคัญอย่างมาก เพราะหากเราไปเลือกบริษัทที่มีความผิดพลาดบ่อยๆ หรือบริษัทที่ตั้งใจมากโกงโดยเฉพาะ ก็จะเป็นเราเองที่เสียหายทั้งเวลาและเงิน เพราะฉะนั้นจะต้องดูให้ดี และมีการเปรียบเทียบหลายๆบริษัท ทั้งคุณภาพและราคา ซอฟแวร์หรือเครื่องมือที่บริษัทนั้นๆใช้พัฒนาโปรแกรม และอีกข้อหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อเราก็คือ ถ้าหากบนหน้าเว็บไซต์ของผู้ขายที่มีรีวิวจากผู้ใช้จริง ทำให้เราสามารถตรวจสอบความน่าเชื่อถือได้ โดยการค้นหาว่าบริษัทที่รีวิว มีตัวต้นจริงหรือไม่ และในส่วนของราคาเราก็สามารถขอใบเสนอราคา มาเปรียบเทียบได้เลย

4.ควรเลือกบริษัทที่มีการทดลองก่อนซื้อจริง

ข้อนี้เป็นข้อสำคัญที่มีประโยชน์ต่อเรามากๆ เพราะการได้ทดลองใช้งาน ทำให้เราตัดสินใจได้ง่ายมาก และทำให้เราเห็นอะไรหลายๆอย่าง ได้ทดลองใช้งานว่าเหมาะกับบริษัทเราหรือไม่ และที่สำคัญคือบริษัทนี้จะเป็นบริษัทที่มีความเชื่อถืออย่างมาก เพราะตัวบริษัทต้องการขายงานที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง และที่สำคัญยังทำให้เรามีความคล่องแคล่วในการใช้งานก่อนตัดสินใจซื้อจริง

5.บริการหลังการขายก็มีความสำคัญ

เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม ถึงแม้ว่าในการใช้งานโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปไม่ได้มีปัญหาใดๆ แต่ก็ใช้ว่าจะไม่มี และเราต้องมั่นใจได้ว่าบริษัทซอฟแวร์ที่เราเลือก มีทีมซัพพอร์ตที่พร้อมแก้ปัญหาให้คุณตลอด 24 ชั่วโมง หรือพร้อมทุกเมื่อที่คุณมีปัญหานั่นเอง นอกจากพร้อมเสมอ ผู้ซื้อควรแน่ใจว่าทีมซัพพอร์ตมีประสบการณ์มากพอที่จะอก้ปัญหาให้เราได้อย่างตรงจุด 

6.ศักยภาพการแสดงผลของโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูป

ข้อนี้จะมีความเชื่อมโยงกับการทดลองก่อนซื้อจริง เพราะเราจะสามารถเห็นศักยภาพของโปรแกรมได้ทันที หรือเรียกว่าทดลองเดโม่ก่อนนั่นเอง เหมือนตอนที่เราจะซื้อมือถือมีตัวทดลองให้เล่น เราก็จะทรราบการใช้งานที่แท้จริง หน้าตาโปรแกรมเป็นแบบไหน มีความสเถียรภาพหรือไม่ และเราสามารถจำลองสถานการณ์การทำงานจริงๆ กับโปรแกรมบัญชีที่ทดลองได้เลย ทั้งน้ก็เพื่อทดสิบความเร็วของการเข้าถึงข้อมูล หรือมีความรวดเร็วเพียงใด

หากท่านกำลังมองหาโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูป เพื่อตอบสนองความรวดเร็วของการเก็บข้อมูลหรือค้นหาข้อมูลของบริษัท ก็สามารถปรึกษาเรา acccloud.tech ได้เลย จากประสบการณ์ด้านการทำซอฟแวร์ เพียงแค่คุณต้องการ เราสามารถให้คำปรึกษาได้ทันถ่วงที โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

6 ปัจจัยในการเลือกซื้อโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูป

ปัจจัยเบื้องต้นกับการวางแผนการผลิต

การวางแผนและควบคุมการผลิต

 

มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจํากัดและให้เป็นที่พอใจแก่ความต้องการของลูกค้าความหมายของทรัพยากรในที่นี้รวมหมายถึงสิ่งอํานวยความสะดวกในการผลิตเช่น เครื่องจักรและอุปกรณ์แรงงานและวัตถุดิบ การใช้ประโยชน์สูงสุดจากทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจํากัดนั้น เป็นหน้าที่ของผู้บริหารโรงงาน โดย ผ่านหน้าที่ของฝ่ายวางแผนและควบคุมการผลิต โดยมีหน้าที่เกี่ยวกับการพยากรณ์การวางแผน การ กําหนดงาน การวิเคราะห์การควบคุมสินค้าคงคลัง และการควบคุมการดําเนินงานการผลิต

 

ดังนั้น ในขั้นตอนของการวางแผน จะต้องมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาเพื่อช่วยในการตัดสินใจ เช่น จำนวนของสินค้าคงคลัง เครื่องจักร หรือ แรงงานที่สามารถใช้ได้ ณ เวลาหนึ่งๆ ระยะเวลาในการรอคอยของลูกค้า(ความเร่งด่วน) และต้นทุนที่เกี่ยวข้องมาช่วยในการตัดสินใจ การจัดส่งต่างๆ และอื่นๆตามในรูปที่ 1 แสดงถึงตัวแปรที่เกี่ยวข้องสำหรับการตัดสินใจวางแผนการผลิต

 
 
 
 

รูปที่ 1 แสดงผังการตัดสินใจในการวางแผนการผลิต

การวางแผนและควบคุมการผลิต

1 การจัดตารางการผลิตหลัก (Master Production Scheduling : MPS)

 

การจัดตารางการผลิตหลัก (MPS) เป็นการจัดทําแผนการผลิตที่ระบุเจาะจงลงไปว่าจะ ทําการผลิตชิ้นงานอะไร จํานวนเท่าใด และจะต้องเสร็จสมบูรณ์เมื่อใด โดยทั่วไปมักจะจัดทํา ตารางการผลิตหลักเป็นรายเดือนหรือรายสัปดาห์ ข้อมูลในตารางการผลิตหลักจะมาจากการแปลงค่าจากการพยากรณ์ยอดขาย ซึ่งอาจจะคํานวณ ตามหลักทางสถิติหรือมาจากใบสั่งซื้อของลูกค้า

 

2 การวางแผนความต้องการวัสดุ (Material Requirement Planning : MRP)

 

การวางแผนความต้องการวัสดุ (MRP) เป็นเทคนิคในการจัดการเกี่ยวกับความต้องการ วัตถุดิบ ชิ้นส่วนประกอบและวัสดุอื่นๆ เพื่อให้สามารถรู้ถึงปริมาณความต้องการในแต่ละ ช่วงเวลาและสามารถจัดหาได้อย่างเพียงพอและทันเวลา

 

โดยข้อมลจากตารางการผลิตหลัก (MPS) ซึ่งจะบอกถึงสิ่งที่จะต้องผลิตว่ามีจํานวนเท่าใด ในเวลาใด จากนั้นจะพิจารณาถึงส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ที่จะผลิตว่าประกอบด้วยวัตถุดิบ ชิ้นส่วน ชิ้นส่วนประกอบและวัสดุอื่นๆ อะไรบ้าง เพื่อจะใช้ในการจัดหา

 

3. การวางแผนความต้องการกําลังการผลิต (Capacity Requirement Planning : CRP)

 

การวางแผนความต้องการกําลังการผลิต (CRP) เป็นการจัดทําแผนที่เกี่ยวข้องกับการ กําหนดกําลังการผลิตที่จําเป็นสําหรับแต่ละสถานีงาน (Working Station) เช่น แรงงาน เครื่องจักร หรือปัจจัยการผลิตทางกายภาพอื่นๆ ว่าควรจะต้องมีปริมาณเท่าใด และต้องการในช่วงเวลาใด โดยจะรับข้อมลความต้องการวัสดุจาก MRP มาทําการประเมินผลเกี่ยวกับภาระงาน (Work Load) ของสถานีงานต่างๆ ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่

 

Function ต่างๆเหล่านี้สามารถพบได้ใน โปรแกรมบัญชี AccCloud ERP

วิธีการลดต้นทุนการผลิต

 
 
 

 

 

วิธีการลดต้นทุนการผลิต 7 ประการ

 

1) ความสูญเสียจากการผลิตมากเกินความจำเป็น (over production) นำมาซึ่งการ Over stock ของสินค้าคงคลัง การผลิตที่มากเกินความจำเป็นหรือความต้องการของลูกค้า เนื่องมาจาก

 

1.1 ประมาณการความต้องการผลิตภัณฑ์ผิดพลาด

1.2 การวางแผนการผลิตที่ขาดประสิทธิภาพ

1.3 อื่นๆ

 

แนวทางในการลดต้นทุนที่เกิดจากการผลิตมากเกินความจำเป็น ฝ่ายขายต้องคอยอัพเดตและวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อปริมาณการสั่งซื้อของลูกค้า ฝ่ายวางแผนการผลิตต้องมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับฝ่ายขายเพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์

 

2) ความสูญเสียจากการรอคอย(Waiting) การรอคอยเป็นกระบวนการที่ไม่ก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์และมูลค่า

สาเหตุที่ทำให้เกิดการรอคอย วัตถุดิบไม่เพียงพอ เครื่องจักรเสีย

แนวทางในการลดต้นทุนที่เกิดจากการรอคอย มีการกำหนด safety stock ที่เหมาะสม จัดทำแผนการบำรุงรักษาเครื่องจักร (preventive maintenance) เพื่อลดการหยุดการผลิตที่เกิดจากเครื่องจักรเสีย(machine break down)

 

3) ความสูญเสียจากการขนส่ง(Transportation) สาเหตุของความสูญเสียจากการขนส่ง วางผังโรงงานที่ขาดประสิทธิภาพ วางแผนกระบวนการที่ขาดประสิทธิภาพ

 

 

 

การลดต้นทุนการผลิตที่เกิดจากการขนส่ง ทำการปรับผังกระบวนการผลิตและผังโรงงานโดยคำนึงถึงความต่อเนื่อง,

 

4) ความสูญเสียจากการเก็บวัสดุคงคลังมากเกินไป(Excess Inventory) สาเหตุของของสูญเสียจากการเก็บวัสดุคงคลังมากเกิน เป็นผลมากจากการผลิตที่มากเกิน จำนวนจัดเก็บเพื่อความปลอดภัย และ ปริมาณการสั่งซื้อขั้นต่ำ ไม่เหมาะสม

 

การลดต้นทุนที่เกิดจากการจัดเก็บวัสดุคงคลังมากเกินไป ทบทวน Minimum Stock และ Safety Stock ทบทวนแผนการผลิต

 

 

 

5) ความสูญเสียที่เกิดจากงานเสีย(Defect) สาเหตุของความสูญเสียจากงานเสีย พนักงานขาดทักษะ ประมาท เลินเล่อ วิธีการทำงานไม่เหมาะสม วัตถุดิบไม่มีคุณภาพ เครื่องจักรประสิทธิภาพต่ำ การลดต้นทุนที่เกิดจากงานเสีย โดยปกติแล้วงานเสียที่เกิดในกระบวนการผลิตทางหน่วยงานด้านคุณภาพจะเข้ามาวิเคราะห์ร่วมกันกับฝ่ายผลิตเพื่อสาเหตุของงานเสีย

 

6) ความสูญเสียที่เกิดจาการเคลื่อนไหวมากเกินไป(Excess Motion) สาเหตุของการสูญเสียที่เกิดจากการเคลื่อนไหวมากเกินไป วิธีการทำงานที่ขาดประสิทธิภาพ ทักษะของพนักงานไม่เพียงพอ ผังของกระบวนการไม่เหมาะสม

 

 

 

การลดต้นทุนการผลิตที่เกิดจากเคลื่อนไหวมากเกินไป ใช้หลักการของ work study เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ แก้ไข และปรับปรุง จัดทำวิธีการทำงานที่เป็นมาตรฐาน

 

7) ความสูญเสียของกระบวนการที่ไม่ก่อให้เกิดคุณค่าหรือผลิตภัณฑ์ (Non-Value Added Processing) สาเหตุของความสูญเสียที่เกิดจากกระบวนการที่ไม่ก่อให้เกิดมูลค่า ขาดความรู้ความเข้าใจในกระบวนอย่างแท้จริง ยึดติดกับวิธีการเก่าที่ทำต่อเนื่องกันมา เลยทำให้อยากที่จะเปลี่ยนแปลง การลดต้นทุนการผลิตที่เกิดจากกระบวนการที่ไม่ก่อให้เกิดมูลค่า มีการวิเคราะห์และศึกษากระบวนการอย่างเป็นระบบ ใช้หลักการของวิศวกรรมคุณค่า (Value Engineering) เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์

 
 
 
 

โปรแกรมบัญชี www.acccloud.tech

 

 

 

 

 

 

องค์กรแห่งการเรียนรู้ คืออะไร

คำว่าการเรียนรู้นั้นเป็นหัวใจสำคัญของการเติิบโตขององค์กร ดังนั้นองค์กรที่ดีจะต้องมีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ศ.นพ. วิจารณ์ พานิช ได้กล่าวไว้ว่า องค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization) เป็นองค์กรที่ทำงานผลิตผลงานไปพร้อม ๆ กับเกิดการเรียนรู้ สั่งสมความรู้ และสร้างความรู้จากประสบการณ์ในการทำงาน พัฒนาวิธีทำงานและระบบงานขององค์กรไปพร้อม ๆ กัน ซึ่ง ผลลัพธ์ (Output) ขององค์กรแห่งการเรียนรู้ คือ ผลงานตามภารกิจที่กำหนด การสร้างศาสตร์หรือสร้างความรู้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติภารกิจขององค์กรนั้น รวมทั้งการสร้างคน อันได้แก่ ผู้ที่ปฏิบัติงานอยู่ในองค์กร หรือมีส่วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับองค์กร จะเกิดการเรียนรู้ เป็นการเรียนรู้แบบบูรณาการ โดยอาศัยการทำงานเป็นฐาน องค์กรแห่งการเรียนรู้ จะมีลักษณะเป็นพลวัต (dynamic) มีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะของพัฒนาการด้านต่าง ๆ คล้ายมีชีวิต มีผลงานดีขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในด้านคุณภาพ ประสิทธิภาพ และการสร้างนวัตกรรม (innovation) รวมทั้งมีบุคลิกขององค์กร ในลักษณะที่เรียกว่า วัฒนธรรมองค์กร (Corporate Culture) ที่ผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์สามารถรู้สึกได้

 
โปรแกรมบัญชี AccCloud.co
 
 
 
 

แนวทางในการสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ตามแนวคิดของ Senge (1992) มีหลักการพื้นฐานทั้งสิ้น 5 ประการ ดังนี้

 

1. ความรอบรู้แห่งตน ( Personal Mastery ) ความเชี่ยวชาญ ( Proficiency) ของคนสามารถเข้าใจและชัดเจนในเป้าหมายของชีวิต สามารถกำหนดแนวทางการดำเนินชีวิตตนเองได้ สามารถค้นหาและกำหนดวิสัยทัศน์(Vision) ของตนเองได้อย่างสอดคล้องกับความเป็นจริง

 

2. แบบแผนทางความคิด (Mental Model) หรือ โลกทัศน์ของตนเองที่เข้าใจต่อโลก ต่อหน่วยงาน องค์กร หรือธุรกิจ

 

3. วิสัยทัศน์ร่วมกัน (Shared Vision) การมีวิสัยทัศน์ร่วมกันของคนทั้งองค์กรเป็ฯการสร้างทัศนะการร่วมมือทำงานกันอย่างมุ่งมั่นและไปในทิศทางเดียวกันของทั้งองค์กร

 

4. การเรียนรู้ของทีม (Team Learning) การถ่ายทอดความรู้ร่วมกันภายในทีม เพื่อเป็นการคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ภายใต้บริบทของการร่วมมือประสานงานกัน

 

5. การคิดอย่างเป็นระบบ ( Systematic Thinking) การที่บุคคลมีแนวคิดแบบองค์รวมสามารถมองภาพรวมของการทำงานได้อย่างเป็ฯระบบ ซึ่งช่วยให้มองเห็นรูปแบบปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน

 

นอกจากนี้ Marquardt (2002) ได้เสริองค์ประกอบที่ช่วยสนับสนุนการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้อีก 2 ประการคือ

 

1. การจัดการความรู้ (Knowledge Management) ซึ่งประกอบด้วยการจัดการความรู้ทั้งภายในและภายนอกองค์กรเพื่อนำความรู้นั้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ตลอดจนการสร้างองค์ความรู้ใหม่

 

2. การใช้เทคโนโลยี ( Technology Application ) หมายถึงการนำเอาความสามารถทางด้านเทคโนโลยีที่สามารถก้าวนำหน้าองค์กรอื่นๆได้

 
 

โปรแกรมบัญชี AccCloud ERP เกิดจากประสบการณ์ และ การเรียนรู้จากหลายๆองค์กร ซึ่งพัฒนาร่วมกันมาเป็นความสามารถของโปรแกรมบัญชี

 
 

ที่มา www.acccloud.tech

 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

 

 

วิธีการหาจุดสั่งซื้อสินค้าที่ประหยัดที่สุด

 
 

หากท่านทำธุรกิจด้านการผลิต มักจะมีคำถามว่าจะสั่งซื้อวัตถุดิบเมื่อไหร่ดี จำนวนละเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม ในบทความนี้จะอธิบายวิธีการคำนวณจำนวนและ ช่วงเวลาในการสั่งซื้อที่เหมาะที่สุดแบบง่ายๆให้ทุกท่านอ่านกันครับ

 

การหาจุดสั่งซื้อที่ประหยัด เป็นเทคนิคในการคำนวณจำนวนในการสั่งซื้อที่เหมาะสม แต่ทั้งนี้ผู้ประกอบการต้องทราบด้วยเช่นกันว่า ในปีนั้นๆต้องสั่งสินค้าเท่าไหร่ เทคนิคนี้จะมีไว้เพื่อบริหารคลังสินค้าไม่ให้มีสินค้าคงคลังเหลือมากหรือน้อยเกินความจำเป็น

 

(โดยทั่วไปการที่มีสินค้าเหลือมากเกินไปจะทำให้เกิดต้นทุนในการเก็บรักษาสินค้าสูงมาก ในขณะสินค้าที่เหลือน้อยเกินไปอาจเกิดความเสี่ยงต่อการผลิต หรือ สินค้าหมดและเสียโอกาสในการขายได้)

 

จุดสั่งซื้อที่ประหยัดหรือ Economic Order Quantity (EOQ) จึงเป็นวิธีคำนวณที่ช่วยให้สามารถสั่งสินค้าได้ในปริมาณที่เหมาะสม แต่อย่างไรก็ตามมีข้อระวังคือ EOQ อาจจะคลาดเคลื่อนได้ในกรณีที่ประมาณการสินค้าที่ต้องการใช้ในแต่ละปี (D) มากหรือน้อยเกินไปจากความเป็นจริง ดังสูตรนี้

 
 
 
 

เมื่อ D คือ ปริมาณความต้องการสินค้าทั้งปี

 

S คือ ค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อแต่ละครั้ง

 

H คือ ต้นทุนในการเก็บรักษาสินค้าต่อหน่วยต่อปี

 

เช่นบริษัท A มีความต้องการสินค้าต่อปีเท่ากับ 7000 หน่วย โดยต้นทุนในการสั่งซื้อแต่ละครั้งเท่ากับ 20 บาท และมีต้นทุนในการเก็บรักษาสินค้า 1.5 บาทค่อหน่วยต่อปี วิธีคำนวณ D = ความต้องการต่อปี 7000 หน่วย

S = ต้นทุนการสั่งซื้อครั้งละ 20 บาท H = ต้นทุนจัดเก็บ 1.5 บาท

 

ดังนั้น EOQ = 432 ชิ้น

 

ต้องสั่ง = 7000/432 = 16 ครั้งต่อปี

 

ใน 1 ปี ทำงาน 250 วัน ต้องใช้เวลาสั่งประมาณ 250/16 = 15 วันสั่งครั้งนึง

 

ที่มา: www.acccloud.tech

Internet Of Things (IOT) Part 1

 
 
 

หลายๆท่านอาจจะสงสัยว่าอะไรคือ Internet Of Thing (IOT) ที่กำลังเป็นกระแสในขณะนี้ บทความนี้ผมจะอธิบายหลักการและการนำไปใช้คร่าวๆของ IOT ว่าคืออะไร

 

แนวคิดของ IOT จริงแล้วเริ่มมาตั้งแต่ปี 1999 โดย Kevin Aston นักวิทยาศาสตร์ประจำสถาบัน MIT ที่อเมริกา ได้เริ่มต้นจากการทำ RFID Sensors มาทำการเชื่อมต่อกัน (ปัจจุบันเราใช้คำว่า smart มาแทนสื่อความหมายของการเชื่อมต่อ) โดยประโยชน์ของการเชื่อมต่อเหล่านี้กับอุปกรณ์ขั้นมูลฐานมันจึงทำให้เครื่องมือคุยกันได้รู้เรื่องผ่านในโครงข่ายของมันเอง

 

ต่อมากมีการเพิ่ม Sensor node ขึ้นมา จึงทำให้เกิด Wireless Sensor Node (WSN) ขึ้นให้กับอุปกรณ์ต่างสามารถเชื่อมต่อกันได้ และเครื่องมีอต่างๆเหล่านั้นจะมีการเชื่อมต่อกันภายใต้เทคโนโลยี ด้านการเข้าถึง (Access Technology อยู่ 3 ประเภทด้วยกันคือ 1. Bluetooth 4.0 , IEEE 802.15.4e , WLAN IEEE 802.11 (WIFI)

 

ต่อมาเมื่อมีการสื่อสารของอุปกรณ์มากขึ้นก็ได้มีการพัฒนา Gate way sensor เอาไว้เพื่อช่วยในการจัดการ การเชื่อมต่อไปยังเครือข่าย Internet โดยข้อมูลจะส่งผ่านไปยัง Internet ได้โดยตรง (ดูรูป)

 
 
 
 

 

 
 
 
  

การแบ่งกลุ่ม Internet Of Things เราสามารถแบ่งออกได้ 2 กลุ่มหลักๆด้วยกันคือ

 
  1. Commercial IOT อุปกรณ์ IoT ในกลุ่มนี้จะเชื่อมต่อแบบ IP network เพื่อเข้าสู่ internet ได้โดยตรง

  2. Industrial IoT อุปกรณ์ IoT ในกลุ่มนี้จะสื่อสารแค่ในกลุ่ม Sensor node เดียวกัน(local devices ) อาจไม่ได้เชื่อมสู่อินเตอร์เน็ต

โปรแกรมบัญชี AccCloud ERP ในปัจจุบันได้วางรากฐานสำหรับการต่อยอดระบบ ไปถึงการเชื่อมต่ออุปกรณ์อัตโนมัติ ด้วยเทคโนโลยีเฉพาะ เมื่อผู้ใช้งานระบบ AccCloud ERP ต้องการจะเชื่อมโยงข้อมูลการผลิตกับใน Line Production ในอนาคตสามารถทำได้ในทันที

 

***  Function IOT นี้ น่าจะเปิดบริการให้ใช้งานได้เร็วๆนี้ ***

 

 

Education Template

Scroll to Top