การผลิตสินค้าสำเร็จรูปที่มีคุณภาพและตรงตามเวลาเป็นสิ่งสำคัญ ต่อความสำเร็จของธุรกิจใดๆ สิ่งสำคัญในการเตรียมกระบวนการนี้อยู่ที่การวางแผน การกำหนดเวลากิจกรรมการผลิต และมีความพร้อมในการจัดส่งตรงต่อตลาด เราจึงอยากแนะนำหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญในการกำหนดการผลิตเรียกว่า Bill of Materials (BOM) ว่ามีการทำงานยังไง และเหมาะกับธุรกิจใดบ้าง
สินค้าสำเร็จรูปคืออะไร?
คือ สินค้าซึ่งตามสภาพอาจอุปโภคบริโภคได้ โดยไม่จำต้องเปลี่ยน หรือดัดแปลง หรือนำไปผสมกับสิ่งอื่น แต่สิ่งใดจะเป็นสินค้าสำเร็จรูป ต้องคำนึงถึงการใช้ตามสภาพด้วย มิใช่สักแต่ว่าอาจใช้ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนดัดแปลง หรือผสมแล้วก็เป็นสินค้าสำเร็จรูปไปทันที (ตามประกาศ กรมสรรพากร)
Bill of Material หรือ BOM คืออะไร
Bill of Material หรือ BOM หมายถึงรายการสินค้าคงคลัง รวมถึงส่วนประกอบ วัตถุดิบ ชิ้นส่วน ฯลฯ ที่จำเป็นในการวางแผน การผลิต และการจัดการผลิตภัณฑ์ และในบางที่จะประยุกต์ใช้เข้ากับการจัดซื้อรายการส่วนประกอบ สูตรผลิตภัณฑ์ หรือโครงสร้างผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด
ประโยชน์ของ Bill of Material
Bill of Material นั้นมีประโยชน์หลายอย่าง เช่น ช่วยองค์กรระบุส่วนประกอบของสินค้าได้ คำนวณงบประมาณ วางแผนการผลิต จัดการสินค้าคงคลัง และอื่นๆ เช่น
การระบุส่วนประกอบของสินค้าสำเร็จรูป
BOM ช่วยให้บริษัทระบุและจัดระเบียบส่วนประกอบที่จำเป็นในการสร้างผลิตภัณฑ์ โดยมีขั้นตอนลำดับชั้นของการผลิตสินค้าสำเร็จรูปพร้อมกับส่วนประกอบที่ใช้ ช่วยให้ธุรกิจสามารถบันทึกและจัดระเบียบส่วนประกอบต่างๆ ได้เป็นระเบียบ
การคำนวณงบประมาณที่ต้นทุน
BOM จะช่วยคำนวณต้นทุนของส่วนประกอบแต่ละรายการที่ใช้ในผลิตสินค้า ทำให้ธุรกิจสามารถประมาณการต้นทุนการผลิต และจัดทำงบประมาณได้ และทำให้กำหนดราคาสำหรับจำหน่ายสินค้าสำเร็จรูปและทบกำไรได้
จัดทำรายงานเอกสารข้อมูลการผลิต
BOM เป็นแหล่งข้อมูลจริงแหล่งเดียว สำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิต ช่วยให้ทุกคนสื่อสารและส่งต่อข้อมูลการผลิตได้อย่างชัดเจนและ ลดโอกาสที่จะเกิดความเข้าใจผิดหรือการสื่อสารผิดพลาด
การจัดการสินค้าคงคลังและวางแผนการผลิต
ช่วยจัดเก็บข้อมูลสินค้าคงคลังเพื่อประเมินแผนการผลิตสินค้าในแต่ละครั้ง พร้อมการกำหนดระยะเวลาได้ ป้องกันการที่สินค้าขาดตลาดหรือม่ให้สินค้าล้นสต็อก
BOM มีส่วนช่วยการกำหนดการผลิตยังไง
Bill of material (ฺBOM) เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการกำหนดการผลิต เพื่อช่วยในการวางแผนการผลิตที่สามารถระบุว่าสินค้าแต่ละชิ้นจำเป็นต้องผลิตด้วยวัสดุและส่วนประกอบใดบ้าง และช่วยให้สามารถประมาณการการใช้ทรัพยากรต่างๆ เช่น แรงงาน วัสดุ และเครื่องจักรได้อย่างถูกต้อง
ด้วยการใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่ได้รับจาก Bill of material (ฺBOM) ทำให้ธุรกิจต่างๆ สามารถปรับปรุงการจกำหนดการผลิต เพื่อลดการเสียวัตถุดิบ ลดความเสี่ยงของความล่าช้าในการผลิตได้ และยังช่วยในการควบคุมคุณภาพโดยรับรองว่ามีการใช้วัสดุที่ถูกต้องในแต่ละขั้นตอนของการผลิต ซึ่งจะช่วยควบคุมคุณภาพของสินค้าสำเร็จรูปได้
ธุรกิจแบบไหนที่ควรประยุกต์ใช้ BOM
การนำ BOM ไปใช้กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้า โดยไม่จำเป็นต้องเฉพาะอุตสาหกรรมเท่านั้น มั่นใจได้ว่าจะได้รับประโยชน์จากการนำ BOM ไปใช้ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ การบินและอวกาศ สินค้าอุปโภคบริโภค และธุรกิจที่มุ่งเน้นการบริการที่มีส่วนประกอบในการผลิต เช่น บริการบำรุงรักษาและซ่อมแซม
ธุรกิจที่ดำเนินงานในอุตสาหกรรมที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด ซึ่งความแม่นยำและการปฏิบัติตามกฎระเบียบเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง จะได้รับประโยชน์เป็นพิเศษจากการใช้ BOM นอกจากนี้ บริษัทที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ ควรพิจารณารวม BOM เข้ากับกระบวนการวางแผนการผลิตของตน
ตัวอย่างการใช้ BOM สำหรับอุตสาหกรรม
ในภาคการผลิต กว่าจะเป็นสินค้าสำเร็จรูปได้ จะต้องมีการผ่านขั้นตอนการผลิต และ จะต้องมีสูตรในการผลิตสินค้าชั้นนั้นๆ
สูตรการผลิตของสินค้าสำเร็จรูปแต่ละประเภทถึงแม้จะเป็นชิ้นเดียวกันก็อาจจะไม่เหมือนกัน ขึ้นกับว่าสินค้านั้นเป็นการสั่งผลิตเฉพาะลูกค้ารายนั้นๆ หรือ สั่งผลิตโดยทั่วๆไป เช่น ถ้าผลิตทั่วไป ไม่ต้องใส่วัตถุดิบประเภทสารเคมี A แต่ถ้าผลิตให้กับลูกค้าเฉพาะรายนี้ต้องใส่สารเคมี A
ดังนั้นถ้าในภาคอุตสาหกรรมหรือ กิจการไม่วางแผนเรื่องการสร้างรหัสให้ดีๆ รหัสสินค้ามีโอกาสขยายตัวได้อย่างรวดเร็วตาม Order และจะทำให้ Stock เยอะและมั่วได้ในเวลาไม่ช้า
ดังนั้นการกำหนดสูตรการผลิตจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการวางระบบ ERP ในองค์กร ถ้ามีการวางแผนที่ดีด้วยโปรแกรมที่ตอบโจทย์ การควบคุม Stock และ กระบวนการจะสามารถทำได้ไม่ยาก
สูตรการผลิต จะประกอบด้วยวัตถุดิบหลายประเภท กิจการมักจะมีคำถามว่าอะไรควรใส่ในสูตร จะเอาทุกอย่างใส่ในสูตรเลยดีหรือไม่ คำตอบคือ เอาเฉพาะสินค้าที่เราต้องการคุม Stock เท่านั้นครับ ตรงส่วนที่ไม่จำเป็นให้ ตัดออกเป็นวัสดุสิ้นเปลืองไป เพื่อให้เกิดความง่ายในการคุม สต๊อกการผลิตและการปฏิบัติงานด้วยเช่นกัน
การกำหนดสูตรที่ดี ระบบจะต้องสามารถสร้างเป็นสัดส่วนของการผลิตได้ เช่น ในการผลิตสินค้าสำเร็จรูป 150 ชิ้น ต้องประกอบด้วยวัตถุดิบเท่าไหร่ และเวลาเปิด Job ผลิต ระบบจะต้องสามารถคำนวณอัตราส่วนการเบิกใช้และต้นทุนตามสัดส่วนได้เช่นเดียวกัน
สรุปได้ว่า Bill of material (ฺBOM) ทำหน้าที่เป็นรากฐานสำคัญในขอบเขตของการวางแผนการผลิต ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถจัดการการผลิตสินค้าสำเร็จรูปได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกที่ได้รับจาก Bill of material (ฺBOM) ธุรกิจต่างๆ จะสามารถจัดการกับความซับซ้อนของการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร และส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ตรงกับความต้องการของตลาดอุตสาหกรรม
โปรแกรมบัญชี AccCloud เป็นโปรแกรมที่มีคุณสมบัติเหล่านี้ครบถ้วน เป็นโปรแกรมระดับ ERP แต่ราคาระดับโปรแกรมบัญชีทั่วไป เหมาะกับองค์กรขนาดกลาง-ใหญ่ และแบบฟอร์มเอกสารสำหรับยื่นสรรพากรที่เพรียบพร้อม เลือกเข้าชมบริการเพิ่มเติมได้ที่ โปรแกรมบัญชี AccCloud