การประกอบกิจการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือใหญ่จะมีต้องมีการวางแผนทางการเงินที่ดี เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตและก้าวหน้าได้อย่างมั่นคงเสมอ ซึ่งจะต้องดูทิศทางของเศรษฐกิจ คอยปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เพื่อให้ธุรกิจโดดเด่นเหนือชั้นกว่าคู่แข่ง แต่บางครั้งระหว่างการดำเนินกิจการก็อาจเกิดปัญหาจากภายนอก เช่น ความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และความต้องการของผู้บริโภค หรือบางครั้งก็เกิดจากปัญหาภายใน เช่น ธุรกิจไม่มีการทำบัญชี มีการใช้จ่ายเงินอย่างไม่ระวัง มีความผิดพลาดจากการลงทุน สิ่งต่างๆ เหล่านี้เองที่ทำให้ธุรกิจเกิดปัญหาการขาดสภาพคล่อง
เจ้าของธุรกิจและผู้ประกอบการ รวมถึงผู้มีส่วนร่วมในธุรกิจ หากอยากดำเนินกิจการอย่างราบรื่น ไร้ปัญหา เราจะต้องคอยดูทิศทางความเป็นไปของธุรกิจของเราอยู่เสมอ โดยเฉพาะสัญญาณเตือนที่จะทำให้รู้สึกได้ว่าธุรกิจกำลังเกิดปัญหา สำหรับ 3 สัญญาณเตือนสำคัญ ที่เตือนว่าธุรกิจกำลังขาดสภาพคล่อง มีดังนี้
1. ขาดแคลนเงินสดหมุนเวียน
เงินสดหมุนเวียน คือ จำนวนเงินสดที่เหลือจากการดำเนินธุรกิจ เมื่อคิดคำนวณถึงรายรับและรายจ่ายในแต่ละเดือนแล้ว หากมีเงินเหลือน้อยกว่าที่ควรจะเป็น หรือจำนวนเงินคงเหลือติดลบ นั่นเท่ากับว่าธุรกิจของเรากำลังประสบปัญหาใหญ่ เพราะเงินคงเหลือแต่ละเดือนเปรียบเสมือนลมหายใจของธุรกิจ หากเกิดติดขัดหรือมีปัญหาใดๆ นั่นก็คือสัญญาณเตือนร้ายแรงที่บอกให้เราต้องรีบเร่งแก้ไขปัญหานี้โดยเร็ว
วิธีการแก้ปัญหาการขาดแคลนเงินสด แนะนำว่าควรพิจารณารายจ่ายที่มีอยู่เดิมให้ละเอียด แล้วเลือกตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก โดยเฉพาะรายจ่ายที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อธุรกิจ แล้วจากนั้นให้เริ่มวางแผนทิศทางการตลาดใหม่ เพื่อให้ธุรกิจมีโอกาสในการเพิ่มรายรับที่มากขึ้น ซึ่งหากรายรับมากขึ้นสูงกว่ารายจ่ายมากๆ ก็จะทำให้มีเงินสดหมุนเวียนมากพอให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
2. รายการบัญชีธุรกิจไม่ชัดเจน
ความผิดพลาดหนึ่งที่เกิดขึ้นกับหลายๆ ธุรกิจ ส่วนหนึ่งอาจมาจากการทำบัญชีที่ไม่ละเอียดและชัดเจนมากพอ แม้ว่าผู้ประกอบการและเจ้าของธุรกิจนั้นจะมีการทำบัญชีกันเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ก็อาจพลาดตกหล่นข้อมูลรายจ่ายบางรายการไป ทำให้ไม่สามารถคำนวณรายรับ-รายจ่ายที่ตรงกับความเป็นจริงได้ หากมีปัญหาด้านบัญชีบ่อยๆ ก็จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของเรา ทำให้ประเมินผลกำไรไม่ถูกต้อง
3. ค้างชำระหนี้ จ่ายบิลไม่ตรงเวลา
การทำธุรกิจมักจะมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจการอยู่เสมอ ทั้งรายจ่ายทั่วไป ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนในธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าสินค้าและบริการ ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนต่างๆ รายจ่ายแต่ละรายการจะมีระยะเวลากำหนดการจ่ายเงินที่แตกต่างกันไป ซึ่งหากไม่ชำระเงินให้ตรงเวลาก็จะเกิดผลกระทบกับธุรกิจได้ หากธุรกิจของเรามีแนวโน้มว่าไม่สามารถชำระเงินได้ตรงตามเวลาที่กำหนด แสดงว่าธุรกิจเริ่มมีปัญหาด้านการบริหารเงิน ทำให้ไม่สามารถจัดการค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม ต้องรีบตรวจสอบบัญชีและวางแผนการเงินโดยด่วน
การเริ่มต้นธุรกิจนับว่าเป็นเรื่องยากแล้ว แต่การจะดำเนินธุรกิจให้ราบรื่นได้ตลอดนั้นยากยิ่งกว่า ถ้าเราไม่มั่นใจว่าปัจจุบันนี้ธุรกิจที่ทำอยู่กำลังดำเนินไปอย่างดีหรือไม่ ลองพิจารณาจากสัญญาณเตือนต่างๆ ทั้ง 3 ข้อข้างต้นดูนะ หากมีข้อใดข้อหนึ่งอยู่ล่ะก็ต้องรีบแก้ไขทันที ไม่เช่นนั้นอาจเกิดปัญหาลุกลามจนธุรกิจเราไปต่อไม่ได้ในที่สุด สำหรับสิ่งสำคัญที่ห้ามละเลยโดยเด็ดขาดเลยก็คือการทำบัญชี เพราะเป็นวิธีที่จะช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมของธุรกิจได้อย่างชัดเจนอยู่เสมอ แนะนำว่าควรใช้โปรแกรมบัญชี ERP เข้าช่วย เพื่อให้ธุรกิจของเรามีการทำบัญชีที่ถูกต้อง ละเอียด ครบถ้วน และทำให้ธรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน